CHANGAN ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 1 ปี
ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้วยยอดขาย 8,000 คัน
เร่งขยายศูนย์บริการกว่า 100 แห่งในปี 2568
CHANGAN ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จ 1 ปี ด้วยเสียงตอบรับจากชาวไทยเป็นอย่างดีในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของไทย ด้วยรถไฟฟ้า DEEPAL L07, L07 S, S07, S07 L, LUMIN DC การพัฒนานี้ถือเป็นก้าวสำคัญในด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืน และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ด้วยยอดขาย 8,000 คัน และศูนย์บริการ 30 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเตรียมขยายต่อเนื่องอีก 60 แห่งภายในปี 67 และครบ 100 แห่งในปี 68 และเปิดตัวรถรุ่นใหม่ AVATR และ DEEPAL E07 ในปีนี้อีกด้วย ด้าน “นายเซิน ซิงหัว ผู้บริหารฉางอาน” ขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อพันธมิตรที่ร่วมมือและสนับสนุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายสำคัญ ทำให้ CHANGAN มีรากฐานที่แข็งแกร่งในอนาคต
นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีสเอเชีย จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า CHANGAN (ฉางอาน) เปิดเผยว่า CHANGAN Thailand ได้เดินทางมาครบ 1 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มตั้งแต่การจดทะเบียนบริษัท และการเปิดตัวแบรนด์ CHANGAN ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการทำตลาดด้วยแบรนด์ DEEPAL ในรุ่น S07 และ L07 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ระดับพรีเมียมในตลาดไทย แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ก็ตาม
1 ปีกับความสำเร็จของ CHANGAN มียอดขายเกินกว่า 8,000 คัน และส่งมอบแล้วเกือบ 6,000 คัน โดยเกือบ 5,000 คันเป็น DEEPAL S07 จนทำให้ติดอันดับท็อป 10 ของตลาด SUV ทั้งหมด ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 2.6% และอันดับ 2 ในกลุ่ม C-SUV ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 21% นอกจากนี้ ยังครองอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในช่วงราคาระหว่าง 1.3 ถึง 1.5 ล้านบาท พร้อมกันนี้เรายังได้จ่ายภาษีให้กับประเทศไทยเกือบ 1,200 ล้านบาท ด้วย
ปัจจุบัน CHANGAN มีการขยายโชว์รูมไปทั่วประเทศกว่า 60 แห่ง โดยเปิดดำเนินการแล้ว 30 แห่ง ครอบคลุมจังหวัดสำคัญ 25 จังหวัด และปี 2025 ตั้งเป้าที่จะขยายโชว์รูมให้ครบ 100 แห่ง โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นในการให้บริการลูกค้าอย่างมีคุณภาพ ด้วยการพัฒนาโครงการ “Project NO.1” เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และยกระดับความพึงพอใจ
นอกจากนี้ CHANGAN Thailand ได้พัฒนาคลังอะไหล่ขนาดกว่า 3,000 ตารางเมตร ที่สามารถเก็บอะไหล่กว่า 2,000 ประเภท และชิ้นส่วนมากกว่า 40,000 ชิ้น ทำให้สามารถจัดส่งอะไหล่ครอบคลุมกว่า 95% ของประเทศภายใน 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังเปิดตัวศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ดิจิทัลใหม่ในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งยกระดับความสะดวกสบาย และคุณภาพการบริการแก่ลูกค้าทั่วประเทศอีกด้วย
“สำหรับการก่อสร้างโรงงานที่จังหวัดระยองและจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของCHANGAN ทั่วโลก ด้วยการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท โดยดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 80% และมีกำหนดเริ่มการผลิตในไตรมาสแรกของปี 2025 โดย CHANGAN ได้ใช้ซัพพลายเออร์ท้องถิ่นกว่า 300 ราย และมีแผนที่จะเพิ่มอัตราส่วนชิ้นส่วนท้องถิ่นในรุ่นที่ผลิตในประเทศต้นปีหน้าถึง 50% ในด้านบุคลากรท้องถิ่น ได้ว่าจ้างพนักงานเกือบ 300 คนในกรุงเทพ รวมถึงที่จังหวัดระยอง คิดเป็นร้อยละ 70% ของพนักงานทั้งหมด และยังมีแผนที่จะส่งพนักงานที่มีทักษะประมาณ 100 คนไปฝึกอบรมที่ฉงชิ่งในเดือนกันยายนนี้ด้วย” นายเซิน ซิงหัว กล่าว และกล่าวต่อไปว่า
แนวโน้มตลาดยานยนต์คาดว่าในปี 2024 ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านคัน และยอดขายยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) จะเพิ่มขึ้นถึง 17 ล้านคัน ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาด NEV โดยจีนยังคงเป็นผู้นำในกระแสนี้ และคาดว่ายอดขาย NEV ในจีนจะถึง 11.5 ล้านคันในปี 2024 และตลาด EV ของไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็วและมั่นคง ด้วยการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล และแรงขับเคลื่อนจากลูกค้าพลังงานใหม่ โดยตลาดของ BEV ในไทยเติบโตกว่า 15% ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว
นอกจากนี้ CHANGAN THAILAND มีแผนเปิดตัวแบรนด์ AVATR ในเดือนกันยายนนี้ และในงาน Motor Expo เดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดตัว DEEPAL E07 ลูกผสมระหว่าง SUV และกระบะขนาดใหญ่ และมีแผนเปิดตัวรุ่นที่ผลิตในประเทศจากโรงงานระยองในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยจะเป็นรุ่นแบบ BEV และ REEV ซึ่งเป็นเทคโนโลยี DEEPAL Super REEV สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 1,000 กิโลเมตรจากการชาร์จและเติมน้ำมันเต็มถังอีกด้วย
นายเซิน ซิงหัว กล่าวอีกว่า แน่นอนว่าจีนเป็นผู้นำ NEV ทั่วโลกนี้ในปี 2024 ยอดขายรถยนต์ใหม่ในจีนคาดว่าจะถึง 31 ล้านคัน โดยเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ตามยอดขาย NEV คาดว่าจะขึ้นถึง 37% หรือ 11.5 ล้านคันภายในปี 2030 โดยโครงสร้างพลังงานของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในจีนคาดว่าจะเป็น EV 40%, XEV (รวมถึง PHEV และ REEV) 40% และเครื่องยนต์สันดาปภายในและ HEV 20% เน้นย้ำถึงบทบาทผู้นำของจีนในการพัฒนา NEV ทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็กำลังดำเนินนโยบาย 30@30 เพื่อสอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว การอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารที่เข้มงวดขึ้น และความต้องการยานยนต์ในประเทศไทยที่ลดลง แต่อัตราการเข้าถึงตลาด BEV ในเซกเมนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยังคงมากกว่า 15% ดังนั้นด้วยการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและแรงผลักดันจากลูกค้าพลังงานใหม่ ตลาด EV ของไทยคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วและมั่นคง ซึ่งจะทำให้นโยบาย 30@30 ประสบความสำเร็จ
“ในฐานะบริษัทที่มุ่งมั่นพัฒนาระยะยาวในประเทศไทย เรายึดมั่นในหลักการ "By Thai, For Thai, Rooted in Thailand" โดยมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยม เพื่อเป็นการตอบแทนให้กับคนไทยที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โครงการ CSR ของเราจะเน้นเรื่องความยั่งยืน การศึกษา และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น เราเชื่อว่าการตอบแทนชุมชนไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบ แต่เป็นสิ่งพิเศษที่เราจะมอบให้ เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน” นายเซิน ซิงหัว กล่าวสรุปในตอนท้าย