ไฮไลต์รถยนต์เด่น

ในงานมอเตอร์โชว์ 2022

 

Acar News พาชมไฮไลต์รถใหม่ในบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่มีค่ายรถยนต์-รถจักรยานยนต์ชั้นนำกว่า 35 แบรนด์ เข้าร่วมจัดแสดงบนพื้นที่กว่า 170,960 ตารางเมตร ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันนี้-3 เมษายน 2565 นี้ สำหรับไฮไลต์ของแต่ละยี่ห้อจะมีรุ่นไหนมาติดตามกัน

 

AUDI  ประเดิมกันที่ค่ายอาวดี้ ประเทศไทย ที่เปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ต ทรงพลัง

The New Audi RS 7 Sportback สุดยอดนวัตกรรมสปอร์ตสี่ประตูตัวแรง ทรงพลังและแรงจัดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 ลิตร V8 เทอร์โบชาร์จ ให้พละกำลังสูงสุด 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากออพชั่นพิเศษ Dynamic Package ที่อาวดี้ ประเทศไทย ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานสำหรับรถที่นำเข้ามาขายในประเทศไทยโดยเฉพาะ

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition นั้น มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถ โดยในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปเป็นเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 2,995 ซีซี ผลิตแรงม้าได้ที่ 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังได้ถึง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร เมื่อผสานการทำงานกันจะให้พละกำลังจากระบบขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร ซึ่งนับเป็นรถยนต์  พรีเมียมเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดที่มีพละกำลังสูงสุดในตลาดประเทศไทยในปัจจุบัน โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

BMW เป็นอีกค่าย ที่ขนกองทัพรถหรูหรา พร้อมรถไฮไลต์เด็ดเพียบ

บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบรุ่นใหม่ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo และระบบ Mild Hybrid ขนาด 48 โวลต์ ส่งพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดที่ 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที เครื่องยนต์นี้ทำงานสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive จึงมอบความนุ่มสบายเหนือระดับ การควบคุมที่เฉียบคม และความปราดเปรียวอันทรงพลัง ขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro เสริมความมั่นใจด้วยเสถียรภาพที่เหนือกว่าในทุกจังหวะการขับขี่

บีเอ็มดับเบิลยู i4 มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะการขับขี่อย่างแท้จริง ประกอบด้วยสองรุ่นย่อยคือ บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M รุ่นแรกจาก M GmbH ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนปราศจากมลพิษ (อัตราการใช้ไฟฟ้ารวม 22.5 - 18 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม / กิโลเมตร) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวบริเวณเพลาหน้าและด้านหลังของรถ ส่งพลังได้ถึง 400 กิโลวัตต์ / 544 แรงม้า มอบความเพลิดเพลินในการขับขี่ได้ยิ่งกว่า ทั้งยังทำระยะวิ่งได้สูงสุดถึง 521 กิโลเมตร ตามมาตรฐานทดสอบ WLTP

ด้านบีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่ (อัตราการใช้ไฟฟ้ารวม 19.1 – 16.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร) ผสมผสานมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า เข้ากับระบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบคลาสสิก มอบระยะวิ่งสูงสุดถึง 590 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP สมรรถนะทรงพลังด้วยแรงบิดที่สูง ยิ่งไปกว่านั้น บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่ ยังสามารถเข้าสู่โหมด Sport Boost ผ่านการดึงพลังงานมหาศาลภายในเวลาเพียงกว่าสิบวินาที ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งพละกำลังสูงสุดจากระบบขับเคลื่อนแล้ว ยังให้แรงบิดสูงสุดที่ 795 นิวตันเมตร จึงเร่งความเร็วจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่ มาพร้อมกับแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 5.7 วินาที ประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตยังมาพร้อมกับเสียงอันทรงพลังที่ีตอบสองในจังหวะการเร่งเครื่องซึ่ง่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น นอกจากนี้ ระบบ BMW lconicSounds Electric ยังมาพร้อมกับเสียงประกอบต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ผ่านความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยูและ Hans Zimmer นักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง

 

FORD

ฟอร์ด ประเทศไทย นำทัพรถยนต์  ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ เผยโฉมให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรก

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2 ตัวเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร หรือเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ด้วยโครงสร้างและกันชนอันแข็งแกร่ง บนฐานล้อที่มีความยาว และความกว้างเพิ่มขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมพาคุณไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือตะลุยเส้นทางสุดสมบุกสมบัน ภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้สะดวกสบายไปอีกขั้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และฟังก์ชันการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยวัสดุที่หรูหรา และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระมากกว่าเดิม ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 999,000 บาท

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ผสานสมรรถนะเพื่อการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบายอันเหนือระดับ มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่มากมาย ทำให้รถคันนี้ครบครันทั้งความพร้อมลุย หรูหรา และขับสนุกในทุกการเดินทาง ภายนอกของฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมการออกแบบที่สมบุกสมบัน โดยที่ยังคงความเรียบหรู ระยะฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร และระยะระหว่างล้อหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้น สร้างรูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและบึกบึนกว่าเดิม และยังมอบการควบคุมบนทางเรียบได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่การปรับแต่งโช้คอัพใหม่ช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่และช่วยให้การควบคุมรถทั้งบนทางเรียบและออฟโรดทำได้ง่ายกว่าที่เคย ภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ให้ความรู้สึกกว้างขวาง แผงหน้าปัดดิจิทัลและคอนโซลกลางวางเต็มความกว้างของพื้นที่ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ด้านระบบส่งกำลังและแรงบิด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว หรือเทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดอันทรงประสิทธิภาพ ราคาเริ่มต้น 1,464,000 -1,854,000 บาท

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ใหม่เพื่อพิชิตทุกเส้นทางออฟโรดสุดหฤโหด ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เป็นครั้งแรก มอบพละกำลังถึง 397 PS ที่ 5,650 รอบต่อนาทีและแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ปรับแต่งโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ปรับจูนตามมาตรฐานของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เครื่องยนต์ใหม่ของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงส่งกำลังการขับขี่ได้อย่างเต็มพิกัดทั้งบนทางกรวด ดิน โคลน และทราย ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 1,869,000 บาท

 

GWM

สำหรับไฮไลต์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ คือ ORA Good Cat GT เจ้าเหมียวไฟฟ้า 100% ยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ ORA ที่มาพร้อมกับสมรรถนะอันเร้าใจด้วยพละกำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตลายคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนด้านหลังโดดเด่นด้วยสปอยเลอร์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมตราสัญลักษณ์ GT ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับดิสก์เบรคคาลิปเปอร์สีแดง ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีแดง-ดำอันเป็นเอกลักษณ์ สะดวกสบายไปกับเบาะคนขับที่ติดตั้งระบบบันทึกตำแหน่งและฟังก์ชัน Welcome Seat พร้อมเบาะระบบนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า และประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าระบบแฮนด์ฟรี

TANK 300 HEV Concept Car เอสยูวีออฟโรดพลังงานไฟฟ้าสำหรับนักขับขี่ขาลุย หลังจากที่ได้จัดแสดงครั้งแรกที่งาน Shanghai Auto Show ในปีที่ผ่านมา TANK 300 HEV Concept Car จากแบรนด์ TANK ที่มาพร้อมดีไซน์คลาสสิก บึกบึน แต่แฝงความสง่างามและทันสมัยอยู่ในตัว พร้อมด้วยเครื่องยนต์ทรงพลังและเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมายที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมืองได้อย่างครบครัน และยังรองรับการผจญภัยได้อย่างลงตัวด้วยกันชนขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จัดเต็มกับล้อขนาดใหญ่พร้อมลุยและโหมดการขับขี่ที่มากถึง 7 รูปแบบ ร่วมด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับ L2+ และฟังก์ชั่นช่วยเหลือการขับขี่มากกว่า 30 ฟังก์ชั่น โดย TANK 300 HEV Concept Car สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TANK ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะสำหรับรถยนต์ออฟโรดของ เกรท วอลล์ มอเตอร์

 

HONDA

ฮอนด้าชูไฮไลต์ยนตรกรรมไฮบริด ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี และไฮไลต์ในกลุ่มนี้ คือ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ สปอร์ตพรีเมียมเอสยูวีที่ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียมโดดเด่นในทุกมุมมอง ยกระดับความสปอร์ตอีกขั้นด้วยดีไซน์ เอกซ์คลูซีฟรอบคันกับรุ่น RS โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit - IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง

ส่วนเครื่องยนต์สันดาป มีดีเอ็นเอความสปอร์ต ที่ให้ทั้งความแรงแต่ยังคงไว้ซึ่งอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ฮอนด้า แอคคอร์ด เทอร์โบ และไฮไลต์ในกลุ่มนี้ คือ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานยอดนิยม ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย นอกจากนี้ ในทุกรุ่นย่อย ให้ความแรงทรงพลังเร้าใจเกินใคร ด้วยเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตร ใหม่ พร้อมระบบเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 17.2 กม./ลิตร ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING สะดวกสบายแบบเหนือกว่ากับครั้งแรกของระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย

 

 

HYUNDAI

ฮุนได เครต้า รถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ทำตลาดอยู่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก เพราะสไตล์ที่โดดเด่น ดูสปอร์ต พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่มอบความสนุก เพลิดเพลิน การใช้งานที่หลากหลาย ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว มอบพละกำลังสูงสุง 115 แรงที่ 6,300 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์ IVT พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 แบบ คือ อีโค Eco, คอมฟอร์ท Comfort, สปอร์ต Sport และสมาร์ท Smart พร้อมปุ่มปรับการขับขี่เฉพาะสภาพถนนหิมะ ทรายหรือโคลน

 

ISUZU

ไฮไลต์ของบูธอีซูซุในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022” มีดังนี้

ยนตรกรรมแห่งสมรรถนะ ที่ถูกปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์ โดดเด่นและแตกต่างกันในแต่ละรุ่น สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่แห่งความสปอร์ตสุดหรู ยกระดับความพรีเมี่ยมสู่มาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพระดับ TOP CLASS มาพร้อมกับสีเทาโอเพคใหม่! (Islay Gray Opaque) เทรนด์สีใหม่ของวงการยานยนต์โลก

อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์ ยนตรกรรมดีไซน์เท่ แรงทะลุไมล์...เร้าใจสไตล์เอ็กซ์ (INFINITE X-LIFE) ออกตัวแรง เร่งแซงทันใจแต่คงความประหยัดน้ำมันในแบบฉบับอีซูซุ ด้วยเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 รุ่น RZ4E-TC ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที โดดเด่นสไตล์สปอร์ตด้วยกระจังหน้าแบบใหม่! Double Dimension ดีไซน์แบบทูโทนสีดำ Glossy Black ผสานสีแดงเข้ม Garnet Red มาพร้อมชุดแต่งดีไซน์สัญลักษณ์ X รอบคัน

อีซูซุ วี-ครอส 4x4 พรีเมี่ยม สปอร์ตออฟโรด ที่มาพร้อมความแรงจัดเต็ม ขับสนุกเร้าใจของเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เติมเต็มความเข้มสไตล์สปอร์ตทรงพลังในทุกมิติของรถด้วย ใหม่! กระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทนสีเทาดำ และ Black Chrome ใหม่! Front Bumper Guard สีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคันที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง Fender Lip, Robust Extender เพิ่มความดุดัน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่! แบบ Robust Radius สี Matte Black พร้อมไฟท้ายดีไซน์โทนสีเข้ม ห้องโดยสารอารมณ์ใหม่ ผสานความเท่ สปอร์ต และหรูหรา ด้วยดีไซน์ High-Class & Sporty เน้นสีแบบทูโทน ดำ-น้ำตาล พร้อมออกแบบให้มิติห้องโดยสารกว้างขวาง โอ่อ่า แบบ Sharp Horizontal Layers คมเข้ม เล่นระดับกับแผงข้างประตู ที่เติมเต็มอารมณ์ด้วยวัสดุตกแต่งพรีเมี่ยม สี Brown Cafe และ Satin Silver เพิ่มความสปอร์ตหรู เหนือระดับไปอีกขั้น และจัดวางสิ่งอำนวยความสะดวกสบายตามหลัก Usability Design เน้นการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบของ ISUZU Ultimate Entertainment

ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์ ยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู ที่พร้อมขับเคลื่อนคุณไปสู่ความสำเร็จใหม่! ที่คุณเท่านั้นเป็นผู้กำหนด ด้วยอัตลักษณ์แห่งดีไซน์ที่สะท้อนรสนิยมหรูหราระดับมาสเตอร์พีช ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและสมรรถนะการขับเคลื่อนที่เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน ด้วย ใหม่! Turn Assist with AEB ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา และ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) นวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาอัจฉริยะ คอยตรวจจับเส้นถนน และวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจน ขับสนุก เร้าใจ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์แห่งการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร เทคโนโลยีแห่งขุมพลังอันเป็นเอกลักษณ์จาก ISUZU

 

JEEP

Jeep Wrangler Rubicon ยนตรกรรมระดับไอคอน และเป็นราชาแห่งออฟ-โรด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 270 แรงม้า ที่ 5,250 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ผสานหลายระบบพิเศษ สำหรับการขับออฟ-โรดแบบสุดขั้ว ขณะที่ห้องโดยสาร ก็เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นั่งสบายทุกตำแหน่งด้วยบักเก็ตซีตหุ้มหนังแท้เกรดพรีเมียม มาตรวัดแบบอนาล็อก ขั้นกลางด้วยจอดิจิทัลอเนกประสงค์ แสดงข้อมูลได้หลากหลาย อาทิ สถานะเครื่องยนต์ รวมไปถึงมุมไต่ มุมเอียง ให้ผู้ขับได้ทราบ พร้อมติดตั้งทัชสกรีนอเนกประสงค์ 8.4 นิ้ว กลางแดชบอร์ด ควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ได้ง่าย เพียงปลายนิ้วสัมผัส และเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงได้อย่างเต็มที่ ผ่านลำโพง Alpine 9 ตำแหน่ง

 

 

MAZDA

ไฮไลต์สำคัญที่บูธมาสด้าในปีนี้ คือ รถยนต์นั่งรุ่นใหม่ล่าสุด NEW MAZDA3 ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ ต้นแบบแห่งความสง่างาม เจ้าของรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก และ Top 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2020 รวมถึงรางวัล Best Hatchback under 2,000 c.c. จากงาน Car of the Year ในปีนี้ โดยมาพร้อมคอนเซ็ปต์ “AWAKENING YOUR SOUL” เพื่อปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณให้มีชีวิต เติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยดีไซน์ที่สะกดสายตาในทุกมุมมอง มาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และสีใหม่ล่าสุด สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในขณะนี้ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และฟาสท์แบค 5 ประตู พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างแท้จริง ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้น 979,000 บาท

ไฮไลต์ของบูธมาสด้า คือการนำรถรุ่นยอดนิยมมาเนรมิตโฉมด้วยชุดแต่งแท้จากมาสด้าให้โฉบเฉี่ยวโดดเด่นยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 และครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-3 ที่มาพร้อมชุดแต่ง MAZDASPEEDพร้อมด้วยรถยนต์นั่งมาสด้า3 และครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-5 ที่มาพร้อมชุดแต่ง KENSHO เพิ่มความสปอร์ตโดดเด่นสง่างามในทุกมิติ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถพบกับยนตรกรรมสกายแอคทีฟทุกรุ่นได้ที่บูธมาสด้าในงานมอเตอร์ โชว์ 2022 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม 2565 ถึงวันที่ 3 เมษายน 2565 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมรับแคมเปญสุดพิเศษมากมายเมื่อจองรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น และรับฟรีกระเป๋าเดินทาง MAZDA LUGGAGE SET มูลค่า 3,500 บาท5 สำหรับลูกค้า 800 ท่านแรก เมื่อจองภายในงาน 10,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2565

 

 

MERCEDES-BENZ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมนำเสนอไฮไลต์ที่หลายคนรอคอย นำโดย “The new Mercedes-Benz C-Class” เดอะนิวเบบี้ลักชัวรีของรถยนต์รุ่นยอดนิยมตลอดกาลที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ ตอบรับความต้องการของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ The new Mercedes-Benz C-Class มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น C 220 d Avantgarde และรุ่น C 220 d AMG Dynamic

อี กหนึ่งไฮไลต์ “Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION” สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบที่พิเศษเหนือใครของรถยนต์สปอร์ตในแบบฉบับ Mercedes-AMG ที่เปิดโอกาสให้คุณรับประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างดีที่สุด ดีไซน์ภายนอกสะท้อนความเร้าใจตามแบบฉบับ AMG ได้อย่างลงตัว ส่วนดีไซน์ภายในพร้อมเปิดประสบการณ์สปอร์ตเหนือจินตนาการให้กับคุณ ผ่านการรวบรวมความสปอร์ตเหนือระดับมาให้คุณได้สัมผัสจิตวิญญาณของนักแข่งในที่เดียว Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION

 

 

MG

NEW MG ZS EV มาพร้อมกับแนวคิด “Truly Easy” สะท้อนการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ง่ายกว่าที่เคยเป็นมา โดยรับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ล้ำสมัย สมรรถนะที่โดดเด่นจากมอเตอร์ขนาด 177 แรงม้า แบตเตอรี่ 50.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม หนึ่งครั้ง ตอบโจทย์เอาท์ดอร์ไลฟ์สไตล์ด้วยฟีเจอร์ V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 2,200 วัตต์ พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีความปลอดภัย  อย่างครบครัน มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเครือข่าย MG Super Charge หนึ่งในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ของเอ็มจีที่รองรับการเดินทางทั่วประเทศ พิสูจน์แล้วจากการทดสอบการเดินทางทั่วประเทศรวมระยะทางกว่า 4,880 กิโลเมตร 

NEW MG ZS EV มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น D และรุ่น X โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้

- NEW MG ZS EV รุ่น D ราคาปกติ 1,189,000 บาท ส่วนลดจากมาตรกาส่งเสริมจากภาครัฐ 240,000 บาท ราคาสุทธิ 949,000 บาท*

- NEW MG ZS EV รุ่น X ราคาปกติ 1,269,000 บาท ส่วนลดจากมาตรกาส่งเสริมจากภาครัฐ 246,000 บาท ราคาสุทธิ 1,023,000 บาท*

NEW MG ZS Limited Edition รุ่นที่ได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษ ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน เท่านั้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อฉลองยอดขายของรุ่น MG ZS ในประเทศไทยที่มีมากกว่า 50,000 คัน และเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดรถอเนกประสงค์ในกลุ่ม B-SUV ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับรุ่น NEW MG ZS Limited Edition มาพร้อมการออกแบบและการตกแต่งที่พิเศษมากยิ่งขึ้นให้อารมณ์สปอร์ตด้วยกระจังหน้า กันชนด้านหน้า-หลัง คิ้วข้างประตูตกแต่งสีดำเงา พร้อมกระจกมองข้างสีดำ ราวหลังคาสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ การตกแต่งภายในสีดำพร้อมเบาะหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ชุดประตูท้ายไฟฟ้า พร้อมชุดเซนเซอร์เท้า NEW MG ZS Limited Edition มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีแดง (Scarlet Red) โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 779,000 บาท

 

MINI

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ Anniversary Edition ใหม่ มีพละกำลังขับเคลื่อนจากขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ควบคู่กับโครงสร้างน้ำหนักเบาและเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ ส่งกำลังสูงสุด 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร โลดแล่นจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ Anniversary Edition ใหม่ มาพร้อมระบบนำทางแพ็คเกจ Navigation Plus ซึ่งประกอบด้วย จอขนาด 8.8 นิ้ว ระบบ Apple CarPlay จอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-Up Display แท่นชาร์จไร้สาย และหน้าปัดดิจิทัล พร้อมด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบปลดล็อกประตูอัตโนมัติ สะดวกสบายด้วยระบบแฮนด์ฟรีผ่านบลูทูธ ระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉินอัจฉริยะ (E-Call) บริการ ConnectedDrive และ MINI Connected

มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Sidewalk Edition ใหม่ รถยนต์มินิเปิดประทุนสี่ที่นั่งรุ่นพิเศษมาพร้อมกับดีไซน์และอุปกรณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Sidewalk Edition ใหม่ มอบรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตาสู่ท้องถนนในตัวเมือง สีตัวถังที่สร้างสรรค์มาให้ตัดเฉดกันอย่างลงตัวและการเลือกใช้วัสดุเน้นย้ำถึงการสร้างสีสันที่สดใหม่ เสริมเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใครและความเพลิดเพลินอันเหนือชั้นให้กับผู้ขับขี่ รูปลักษณ์ภายนอกที่เตะตาและการตกแต่งภายในอย่างมีสไตล์ มอบที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดประทุนอย่างเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์มินิ

มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Sidewalk Edition ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาดสองลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเร่งเครื่องจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.1 วินาที

 

MITSUBISHI

ไฮไลต์บูธ มิตซูบิชิ ได้แก่ มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิลแค็บ แรลลี่อาร์ท รุ่นใหม่ และ มิตซูบิชิ มิราจ แรลลี่อาร์ท ที่ได้รับการปรับแต่งให้สามารถติดตั้ง และใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมในชีวิตประจำวัน ทั้งในรถยนต์ มิตซูบิชิ รุ่นปัจจุบัน และรุ่น แรลลี่อาร์ท ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วจากทีมวิจัยและพัฒนาของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ด้วยกระบวนการทดสอบยานยนต์ขั้นสูง พร้อมการขับทดสอบในสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศจำลองรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกคัน มีสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับ และสามารถขับผ่านได้บนทุกอุปสรรค ทั้งนี้เราจะยังคงมุ่งมั่นในการคิดค้นนวัตกรรม  และเทคโนโลยียานยนต์ เพื่อร่วมกันยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย และที่สำคัญที่สุด ได้แก่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมส่งต่อความเร้าใจครั้งใหม่ของ แรลลี่อาร์ท ด้วย ‘จิตวิญญาณแห่งชัยชนะและสุดยอดเทคโนโลยี     ดีเอ็นเอ’ พร้อมยานยนต์ที่น่าตื่นเต้นและมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม ด้วยราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสำหรับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการกลับมาอีกครั้งของ แรลลี่อาร์ท

นอกจากนี้ยังมี มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ได้รับการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ที่ไม่ใช่เฉพาะแค่เพียงภายนอกเท่านั้น   แต่ภายในยังมีการปรับปรุง พร้อมติดตั้งและเพิ่มเทคโนโลยีระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า จึงส่งผลให้รถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่นี้มีความโดดเด่น อรรถประโยชน์ สมรรถนะการขับขี่ และความทันสมัยมากยิ่งขึ้น

มิตซูบิชิ มอเตอร์ ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์หลักที่จัดแสดงภายในงาน ได้แก่มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิลแค็บ แรลลี่อาร์ท อีกหนึ่งเวอร์ชั่นที่พัฒนาขึ้นจาก มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิลแค็บ รุ่นตัวเตี้ย ที่เพิ่มความ โฉบเฉี่ยว พร้อมยกระดับความสปอร์ตเพิ่มมากขึ้น ด้วยการติดตั้งแผ่นกันกระแทกที่กระบะท้ายพร้อมโลโก้ แรลลี่อาร์ท เหนือระดับยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษสีดำ อาทิ กระจังหน้าพร้อมเส้นคาดสีแดง ชุดแต่งชายกันชนใหม่ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ภายในห้องโดยสารยังตกแต่งเพิ่มด้วยพรมปูพื้นรุ่นพิเศษ ขอบสีแดงพร้อมโลโก้ แรลลี่อาร์ท ที่เน้นย้ำถึงความพิเศษและความแตกต่างของรถยนต์รุ่นดังกล่าว

 

 

SUZUKI

ซูซูกิ คือ SUZUKI XL7 Multi-Dynamic Crossover รถครอบครัวขนาด 7 ที่นั่ง มาพร้อมกับสีใหม่ สไตล์ทูโทน หลังคาสีดำตัดกับสีตัวรถ เติมเต็มความสปอร์ตด้วยกระจกมองข้างสีดำ ให้ความรู้สึกเข้มและดุดันด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตสีดำผสมโครเมียม สอดรับกับไฟหน้า LED สามารถปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ มาพร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้า ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน มาพร้อมไฟท้าย LED และไฟเบรกแนวตั้ง เติมความเข้มด้วยซุ้มล้อสีดำ พร้อมล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว รวมถึงราวหลังคา เพื่ออรรถประโยชน์ในการบรรทุกสัมภาระมากยิ่งขึ้น ในราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 789,000 บาท

อีกหนึ่งรุ่นที่อยากนำเสนอ คือ SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ในครั้งนี้ ซูซูกิได้นำมาดัดแปลงเป็น Motor Home หรือรถบ้าน ซึ่งปัจจุบันตลาดรถบ้านในประเทศไทยกำลังขยายตัวและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความนิยมของผู้บริโภคในช่วงโควิด เลือกที่จะทำรถบ้าน Motor Home เพื่อออกเดินทางไปท่องเที่ยว แต่ยังสามารถทำงานนอกสถานที่ในแบบ “Work from anywhere”และในขณะเดียวกันผู้บริโภคมีการปรับตัวเริ่มทำธุรกิจ Food Truck มากขึ้น หลายคนจึงเลือกที่จะทำ food Truck ผนวกกับรถบ้านไปในตัวอีกด้วย

 

 

SUBARU

The All-New Subaru BRZ รถสปอร์ตคูเป้ระดับตำนานที่ครั้งนี้พลิกโฉมการออกแบบใหม่หมดทั้งคันในเจเนอเรชันที่ 2 ตั้งแต่เครื่องยนต์ขุมพลังใหม่จนถึงดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวของการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมอัดแน่นเทคโนโลยีความปลอดภัย EyeSight  Advanced Driver Assist Technology เป็นครั้งแรก จนได้รับการยกย่องให้เป็น “สุดยอดสปอร์ตคูเป้ยอดนิยมแห่งปี” จากหลายเวทีระดับโลก

B – BOXER The All-New Subaru BRZ เป็นสปอร์ตคูเป้เจนเนอเรชัน 2 ของซูบารุที่สานต่อดีเอ็นเอของ Subaru BRZ รถสปอร์ตที่คล่องตัวและมีน้ำหนักเบา มาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่ ปรับขุมพลังใหม่ ขนาด 2.4 ลิตร มอบอัตราเร่งที่ดุดันด้วยพละกำลัง 237 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตร 

R – REAR WHEEL DRIVE เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่วางเครื่องยนต์ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง The All-New Subaru BRZ ทำงานประสานกับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมแพดเดิลชิฟต์ ตอกย้ำนิยามความเป็นรถสปอร์ตที่ขับสนุก ตอบสนองการขับขี่ทุกรูปแบบได้ดังใจ

Z – ZENITH ที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ต The All-New Subaru BRZ ที่มีน้ำหนักเบา ให้การควบคุมและการตอบสนองที่ดีเยี่ยม ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมีส่วนร่วมกับรถได้เป็นหนึ่งเดียว

The All-New Subaru BRZ ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด มาพร้อมกับห้องโดยสารและแผงคอนโซลดีไซน์ใหม่ เบาะที่นั่งคู่หน้าบุด้วยหนังและวัสดุพิเศษ (Ultrasuede) แผงหน้าปัดเรือนไมล์แบบ LCD หน้าจอระบบสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว พร้อม

 

TOYOTA

ไฮไลต์ในบูธโตโยต้านำโดยรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ Toyota bZ4X คือ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ประเภท SUV ขนาดกลาง และเป็นหนึ่งในยนตรกรรมแห่งอนาคตใหม่ล่าสุด เป็นรุ่นแรกในซีรีส์ bZ จากโตโยต้า ทั้งนี้ Toyota แบรนด์ bZ จะเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า แบรนด์ใหม่ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ซีรีส์ที่มีชื่อว่า bZ โดยรถรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ทนทาน ความจุ 71.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมีเป้าหมายระยะทางวิ่งสูงสุด ที่ประมาณ 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐานระดับโลก WLTP (Worldwide Harmonised Light Vehicles Test Procedure)

ALL NEW TOYOTA VELOZ ยนตรกรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง สไตล์ Premium Crossover ที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัย ห้องโดยสารกว้างขวางเทียบเท่ารถระดับ C-segment พื้นที่กว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะที่นั่งโดยสารสามารถปรับได้หลากหลายถึง 7 แบบ เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยด้วยแผงหน้าปัด TFT ปรับได้ 4 รูปแบบ หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless charger) ช่องเสียบ USB 4 จุด และที่วางแก้วน้ำมากถึง 15 จุด เพียบพร้อมด้วยระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดด้วย Toyota Safety Sense สมรรถนะการขับขี่เหนือกว่าด้วยแพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ ให้การขับขี่ที่มั่นคง และเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i 1.5 ลิตร 106 แรงม้า ประสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองนุ่มนวลประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตร/ ลิตร ราคาเริ่มต้น 795,000 - 875,000 บาท

Toyota C-HR HEV GR Sport C-HR HEV GR Sport ใหม่  น้องใหม่ล่าสุดใน GR Series  รถยนต์ Sub-Compact SUV รุ่นยอดนิยม ที่มาเสริมทัพ GR Series กับรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร  สีภายนอกภายใต้แนวคิด GR Sport ดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตกับแพ็กเกจชุด GR Sport ประกอบด้วย สเกิร์ตรอบคัน, ชุดตกแต่งกันชนหน้า, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่, ไฟตัดหมอกแบบ LED, พร้อมสัญลักษณ์ GR ที่กันชนหน้า และ GR Sport บริเวณท้ายรถ ภายในตกแต่งด้วยสีดำ Total Look และสี Gun Metallic สปอร์ตเข้มเต็มสไตล์ GR เบาะนั่งดีไซน์พิเศษ เดินด้ายสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR , พวงมาลัยหุ้มหนังแบบเจาะรูพร้อมสัญลักษณ์ GR, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR ราคาเริ่มต้น 1,139,000 - 1,189,000 บาท

โตโยต้า “SIENTA รุ่นปรับปรุงใหม่” “Chic Clicks” ปรับปรุงใหม่ภายใต้แนวคิด “คลิก ให้ชีวิตสุดชิค” ให้มีความทันสมัย (Chic) และง่ายต่อการใช้งาน แค่เพียงสัมผัส (Click) ดีไซน์ภายนอกมีเอกลักษณ์ โดดเด่นสะดุดตา ใหม่ การตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยเบาะหนังและวัสดุกึ่งสังเคราะห์ (สีดำ-เทา) ดีไซน์สปอร์ต ทั้งตอบรับไลฟ์สไตล์ได้ดีกว่าเคยด้วยการปรับปรุงอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น เครื่องเล่นวิทยุหน้าจอสัมผัส ที่สามารถรองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto มอบความมั่นใจยิ่งกว่า ด้วย กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา* แบบ HD ให้ภาพคมชัด มอบทัศนวิสัย และความมั่นใจดีเยี่ยม, และกล้องบันทึกภาพหน้าและหลังรถ* สามารถเข้าใช้งานผ่าน Mobile Application Toyota DVR ใหม่ (*สำหรับรุ่น 1.5V) ราคาเริ่มต้น 775,000 - 889,000 บาท

ฟอร์จูนเนอร์ COMMANDER  ใหม่ โดดเด่นด้วย ชุดตกแต่งกันชนหน้าและหลัง บันไดข้าง คิ้วตกแต่ง  ฝาท้ายสีดำเงาพร้อมด้วยสัญลักษณ์ FORTUNER และหลังคาสีดำแบบทูโทน โดดเด่น สะกดทุกสายตา พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ภายในใส่ใจในทุกรายละเอียดกับ เบาะหนังและวัสดุตกแต่งสีดำสลับเดินตะเข็บด้ายสีแดง ให้ความรู้สึกสปอร์ต เร้าใจ พร้อมปรับจูนช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลังใหม่ รองรับแรงสั่นสะเทือน ในทุกสภาพถนนได้เป็นอย่างดี  ให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างเต็มพิกัดด้วยกล้องมองรอบคัน, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง

นอกจากนี้โตโยต้าได้นำรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ขับเคลื่อนแบบไร้คนขับ Toyota e-palette มีการการแนะนำครั้งแรกในปี พ.ศ. 2561 ในประเทศญี่ปุ่น เป็นรถยนต์คันแรกของโตโยต้าที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับแอปพลิเคชันการขับเคลื่อนอัตโนมัติในรูปแบบบริการ Autono-MaaS ที่มาจากคำว่า "Autonomous" และ "Mobility as a Service" สื่อถึงบริการขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับของยานยนต์โตโยต้า สะท้อนถึงการเข้าสู่การเป็นองค์กรด้านการขับเคลื่อน (Mobility) ผสานการใช้ไฟฟ้า เครือข่ายที่เชื่อมต่อ และเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูง เพื่อรองรับธุรกิจการขับเคลื่อนที่ใช้ร่วมกันและรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ

 

VOLVO

THE ALL NEW C40 RECHARGE PURE ELECTRIC รถยนต์ระดับพรีเมียมสไตล์คูเป้ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Compact Modular Architecture (CMA) ที่วอลโว่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์คอมแพค ในสไตล์ ครอสโอเวอร์ คูเป้ ที่รูปทรงของตัวรถสะท้อนอารมณ์และตัวตนของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดดเด่นด้วยเส้นหลังคา Slimmed Crossover Roof Line ที่ออกแบบมาให้รับกับทรงท้ายลาดต่ำตามแบบฉบับรถยนต์สไตล์คูเป้ ไฟท้ายแบบเส้นปะที่เดินเส้นไปสู่แผงไฟหลักด้านหลังตัวรถสะท้อนการผสมผสานความโมเดิร์นและความคลาสสิกได้อย่างลงตัว แผง Aero Optimised  Spoiler ที่ไม่เพียงทำให้ The All New Volvo C40 Recharge Pure Electric เย้ายวนสะดุดตา แต่ยังช่วยในเรื่องของการทรงตัวและการยึดเกาะถนน  ด้านหน้ารถคงเอกลักษณ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของวอลโว่ด้วยตะแกรงแบบฝาครอบปิดสีเดียวกับตัวถัง ประดับด้วยตราสัญลักษณ์วอลโว่เรียบหรู มินิมอล ตามแบบฉบับสแกนดิเนเวียน เปิดจอง The All New Volvo C40 Recharge Pure Electric ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 และ โชว์รูมรถยนต์วอลโว่ทุกแห่งทั่วประเทศ