ยนตรกรรมไฮไลต์ที่น่าจับตา

ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39

 

เปิดมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 อย่างเป็นทางการแล้ว วันนี้ถึง 12 ธันวาคมนี้   โดยมาภายใต้คอนเซ็ปต์ It’s Time … Come Touch the Future (ได้เวลา...สัมผัสอนาคต) มีค่ายรถยนต์ 35 แบรนด์ รถจักรยานยนต์ 17 แบรนด์ ร่วมนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และแคมเปญพิเศษมากมาย มาพร้อมให้กับลูกค้าที่สนใจ โดยเฉพาะยานยนต์พลังงานทางเลือก และรถพลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ คอนเทนท์นี้ A car news คัดสรรรถไฮไลต์ของแต่ละค่ายมาให้ชมเป็นน้ำจิ้ม ดังนี้

AUDI

The New Audi A8 L 55 TFSI quattro Premium เรียบหรูด้วยกระจังหน้าขอบคิ้วต่าง ๆ เป็นสี Chromium พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่มีมาให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ล้อขนาด 20 นิ้ว แบบ 10 spoke, หลังคาตกแต่งด้วย Dinamica microfiber, หลังคา Panoramic, ไฟหน้า LED พร้อมระบบ high beam assist, ไฟท้ายแบบ OLED พร้อมฟังก์ชัน Light staging แบบ A8 L signature, ระบบช่วยผ่อนแรงเมื่อปิดประตู ภายในตกแต่งด้วย Gray Brown Natural Fine Grin Ash เบาะหนังแบบ Valetta พร้อมระบบอุ่น ระบบแอร์แยก 4 โซน จอ Virtual cockpit 12.3 นิ้ว จอ MMI Navigation plus 10.1 นิ้ว จอ Multi-function ขนาด 8.6 นิ้ว และจอรีโมทแบบมัลติฟังก์ชัน สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมจอ OLED แบบสัมผัสขนาด 5.7 นิ้ว และ Head-up display ราคา 6,999,000 บาท

 

The New Audi A8 L 55 TFSI quattro Prestige S line มาพร้อมชุดแต่งพิเศษ S line เป็นครั้งแรกที่ Audi ได้บรรจงสรรสร้างชุดแต่งแบบสปอร์ต S line ให้กับรถรุ่น A8 พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ล้อขนาด 20 นิ้ว แบบ 20 spoke, หลังคาตกแต่งด้วย Dinamica microfiber, หลังคา Panoramic, ไฟหน้า HD Matrix LED พร้อมฟังก์ชัน Light staging  แบบ Coming home/Leaving home, ระบบ high beam assist, ไฟท้ายแบบ OLED พร้อมฟังก์ชัน Light staging แบบ A8 L signature, ระบบช่วยผ่อนแรงเมื่อปิดประตู ภายในตกแต่งด้วย Piano Black เบาะหนังแบบ Valcona ระบบนวดเพื่อการผ่อนคลาย และระบบอุ่นร้อนสำหรับเบาะนั่งคู่หน้า ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังเป็นเบาะหลังแบบแยกอิสระ สามารถปรับเอนได้ คอนโซลกลางแบบ First class ระบบแอร์แยก 4 โซน ระบบเครื่องเสียง 3 มิติ Bang&Olufsen จอ Virtual cockpit 12.3 นิ้ว จอ MMI Navagation plus 10.1 นิ้ว จอ Multi-function ขนาด 8.6 นิ้ว Head-up display จอรีโมทแบบมัลติฟังก์ชัน สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมจอ OLED แบบสัมผัสขนาด 5.7 นิ้ว ระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง Full HD ขนาด 10.1 นิ้ว แบบแยกอิสระ และรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ราคา 8,250,000 บาท

 

รถเด่นที่สุดของบูทอาวดี้เป็นครั้งแรกในเอเชียกับ TukTuk ต้นแบบ “e-Rickshaw” โดยเป็นการดัดแปลงการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า 100% อย่าง Audi e-tron ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “Second - life Batteries” ซึ่งตัวรถจะเป็นรถตุ๊กตุ๊กที่มาจากประเทศไทย มีอายุถึง 30 ปี ผ่านการปรับโฉมให้ดูทันสมัยขึ้น ที่โรงงานในเมือง Neckarsulm ประเทศเยอรมนี โดยแบตเตอรี่ไฟฟ้าของ Audi   e-tron นั้น เป็นแบบ high-energy density ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ดังกล่าวจะเคยถูกใช้มาแล้วในรถทดสอบ Audi e-tron ก็ตาม แต่ยังมีกำลังไฟที่เพียงพอ สำหรับการนำไปปรับใช้ในรถตุ๊กตุ๊กที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำลังน้อยกว่าได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการพิสูจน์ในคุณภาพของแบตเตอรี่ใช้แล้วของ Audi e-tron ว่ายังสามารถนำไปใช้ต่อได้ สะท้อนวิสัยทัศน์ “The mobility of the future” การขับเคลื่อนแห่งอนาคตของอาวดี้ ที่มุ่งมั่นจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างโลกแห่งอนาคตที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า มีความคิดสร้างสรรค์ และความกระตือรือร้นที่จะสร้างสังคมที่น่าอยู่ ตัวรถสามารถผลิตกำลังได้สูงสุด 8.6 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.6 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 2 จังหวะ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  

BENTLEY

BENTLEY HYBRID รถเด่นสำหรับเบนท์ลี่ย์ เป็นรถเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ วี 6 สูบ บวกเมอร์มอเตอร์ไฟฟ้า BENTAYGA HYBRID ครอสส์ โอเวอร์ เอสยูวีหรู เครื่องยนต์ 2.9 ลิตร 416 แรงม้า มอเตอร์ 140 แรงม้า กำลังรวม 544 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 4.3 วินาที และ FLYING SPUR HYBRID ซีดานหรู เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 340 แรงม้า มอเตอร์ 140 แรงม้า กำลังรวม 462 แรงม้า อัตราเต่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.3 วินาที

BMW

BMW ได้มีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายรุ่นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สำหรับในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ BMW นำ 3 Series ไฟหน้ามี Daytime Driving Light เป็นรูป L กันชนหน้ามีช่องรับอากาศขนาดใหญ่ขึ้น กันชนหลังโฉบเฉี่ยวขึ้น ภายในรวมจอ Instrument Display และจอ Control Display เป็นจอโค้ง BMW Curved Display ที่มีขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว และ 14.9 นิ้ว มี 3 ขุมกำลังทางเลือกด้วยกัน BMW 320D M Sport ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า BMW  330E M Sport ให้กำลังสูงสุด 292 แรงม้า และ BMW M340i XDRIVE ให้กำลังสูงสุด 387 แรงม้า

 

BYD

BYD ATTO 3 ครอสโวเวอร์ เอสยูวีพลังไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แบตเตอรี่ความจุ 60.5 กิโลวัตต์ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.3 วินาที สามารถขับได้ไกลถึง 420 กม. ตามมาตรฐาน WLTP SINV 480 กม.ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (DC-CCS 2 80 กิโลวัตต์)

 

FORD

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมกระจังหน้าลายตาข่ายที่เชื่อมกับกันชนล่าง และไฟหน้ารูปทรงตัว C ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีเทา แผงหน้าปัดแสดงข้อมูลแบบดิจิตอลขนาด 8 นิ้ว ระบบสั่งงานล่าสุด SYNC 4 พร้อมจอ LED แบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว ในรุ่นไวลด์ทแรด เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมากมาย

พร้อมด้วย ฟอร์ด มัสแตง ที่มาพร้อมกับตัวเลือกสีใหม่ สีส้ม ไซเบอร์ ออเรนจ์ และอีกหนึ่งสีใหม่ สีน้ำเงิน แอทลาส บลู พร้อมล้ออะลูมิเนียมขึ้นรูปดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้ว  ห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์ล้ำสมัย และประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ โดดเด่นด้วยตัวเลือกขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร และเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ ขนาด 2.3 ลิตร สร้างสีสันภายในงาน

 

 

GWM

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ส่งไฮไลท์สำคัญกับการเผยโฉม ORA Grand Cat เจ้าเหมียวไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากแบรนด์ ORA ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราและทันสมัย โดดเด่นและครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความสะดวกสบายเหนือระดับ พร้อมแล้วที่จะนำมาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก พร้อมการกลับมาปรากฏตัวของ TANK 500 HEV ที่มาพร้อมความหรูหราและดีไซน์สุดล้ำ เอาใจผู้ขับขี่ขาลุยสายออฟโรด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กิจกรรมกลางแจ้งและการผจญภัย พร้อมให้แฟน ๆ ชาวไทยได้สัมผัสสมรรถนะความแข็งแกร่งกันอย่างใกล้ชิดกันอีกครั้ง

รวมทั้ง ALL NEW HAVAL JOLION เอสยูวีรุ่นใหม่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 190 แรงม้า บนแพลทฟอร์ม GWM LEMON ฐานล้อ 2,700 มม. มีระบบเด่นคือระบบช่วยจอด ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน ระบบเบรกฉุกเฉินทางตรงและทางแยก ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับขณะถอย และระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง

 

HONDA 

ฮอนด้า พบกับยนตรกรรมไฮไลต์ 2 รุ่นพิเศษ ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ (Civic Type R) ที่สุดแห่งยนตรกรรมความสปอร์ต เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยคันที่นำมาจัดแสดงมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร VTEC TURBO ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Comfort, Sport, +R และเพิ่มโหมด Individual เป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ พร้อมทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING และระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSI) สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ Type R Serial Number Plate

พร้อมด้วยรถต้นแบบ Honda SUV e:Prototype พลังงานไฟฟ้า 100% ที่พร้อมนำเสนอคุณค่าด้านการขับขี่ที่ล้ำสมัย ด้วยดีไซน์การออกแบบภายนอกที่เรียบหรู การออกแบบไฟด้านหน้าเน้นเส้นสายในแนวยาวที่โฉบเฉี่ยว ภายในห้องโดยสารโปร่งโล่ง มาพร้อมหน้าจอ infotainment แบบสัมผัส Advanced Touch และหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาดใหญ่ พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING

HYUNDAI

All NEW Hyundai IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ของ Hyundai เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกลาง ๆ ปีที่ผ่านมา รุ่นนี้ใช้ platform แบบ Electric-Global Modular Platform (E-GMP) เพื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยเฉพาะ เหมือนกับ IONIQ 5 รถ SUV ไฟฟ้า100% รุ่นพี่

จุดเด่นของ IONIQ 6 คืองานดีไซน์ภายนอก มาในแนวคิด Ethical Uniqueness ส่วนภายในห้องโดยสารได้แนวคิดจากดักแด้ Cocoon-like โดยใช้ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ในการรังสรรค์ความรู้สึกที่ได้รับเมื่อนั่งโดยสาร เส้นสายตัวถังแบบ Single-Curved แนวยาวตลอดทั้งคัน ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ cd = 0.21 เท่านั้น ใช้ Pixel-LED กว่า 700 ดวง ในส่วนต่าง ๆ ของรถ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, ไฟท้าย Panametric Pixel High-Mounted Stop Lamp (HMSL)

ภายในห้องโดยสาร ติดตั้งหน้าจอขนาด 12.0 นิ้ว 2 จอ เป็นจอควบคุมกลาง Full-Touchscreen และ ชุดมาตรวัด Full-Digital นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วยไฟ Ambient Light 64 สี รวมไปถึงโปรแกรม 6 คู่สี ที่จะช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศภายใน วัสดุใช้แบบ Recycle Materials / ECO-Friendly เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น หนังที่ใช้หุ้มเบาะนั่ง เป็น eco-process leather รวมไปถึงผ้าแบบ Recycle PET fabric, bio TPO skin พลาสติก และ สีที่มีส่วนผสมของพืช vegetable oils

KIA

เกีย คาร์นิวัล รุ่นใหม่ มาพร้อมมาตราวัดแบบดิจิตอล หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple Car Play และ Android Auto เครื่องเสียงคุณภาพ Bose รอบคัน และจอด้านหลังขาด 10.1 นิ้ว 2 ตำแหน่ง ประตูสไลด์ และประตูท้ายไฟฟ้า พร้อมซันรูฟไฟฟ้า เครื่องยนต์ดีเซลเทอรโบ Smart Stream 2.2 ลิตร 202 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ

 

 

ISUZU

อีซูซุ นำยนตรกรรมใหม่ NEW ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs สง่างามจากภายนอกจรดภายใน ดีไซน์ดุดัน เท่ แกร่ง ทรงพลังด้วย Front Bumper Guard สีทูโทนพร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคัน ที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง ที่เปิดกระบะท้าย Fender Lip และ Robust Extender เพิ่มความดุดัน ทรงพลัง ในทุกมิติของรถ เครื่องยนต์ Isuzu 3.0 Ddi Blue Power รุ่น 4JJ3-TCX กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที

NEW ISUZU D-MAX MAGIC EYEs ยนตรกรรมปิกอัพระดับ Top Class โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Double Dimension ดีไซน์แบบทูโทนสี Chrome และ Dark Gray Metallic พร้อมไฟท้ายดีไซน์โทนสีเข้ม เท่ เต็มอารมณ์สปอร์ต และกันชนท้าย Integrated Bumper ดีไซน์สวยงานเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Robust Radius และ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์แบบ Aeroscrew ภายในห้องโดยสารหรูหราด้วย Piano Black และ Satin Chrome คอนโซลหน้าแบบ Sharp Horizontal Layers เล่นระดับกับแผงข้างประตู พร้อมเบาะนั่งดีไซน์โอบกระชับเทคโนโลยี COOL MAX ช่วยลดการสะสมความร้อนและเบาะนั่งคู่หน้าเทคโนโลยี AVEC ซับแรงสั่นสะเทือน ลดความเมื่อยล้า ประหยัดน้ำมันขั้นสุด ด้วยเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 รุ่น RZ4E-TC กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน–เมตร ที่ 1,800–2,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ รุ่น 4JJ3-TCX กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที  แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน – เมตร ที่ 1.600 – 2,600 รอบ/นาที

NEW ISUZU D-MAX CAB 4 และ NEW! ISUZU D-MAX SPACECAB เกรด S-DA มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบ Android Auto และ Wireless Apple Carplay คมชัดระดับ HD ใช้งานง่าย พร้อมกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด

 

NEW ISUZU X-SERIES โดดเด่นด้วยรูปโฉมใหม่ทั้งในรุ่น SPEED และ HI-LANDER ด้วยสีเทา Islay Gray Opaque สเกิร์ตหน้าลายเคฟลาร์ มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตในรุ่น SPEED และ สเกิร์ตกันชนหน้า ดีไซน์เท่รับกับกระจังหน้า ให้อารมณ์สปอร์ตพรีเมียม ในรุ่น HI-LANDER สติกเกอร์คาดหน้า-หลัง เท่เป็นเอกลักษณ์ คมเข้ม พร้อมสัญลักษณ์ X ที่ด้านหน้า ดีไซน์เบาะนั่งทูโทนสีดำแดง ทรงสปอร์ต โอบกระชับ พร้อมสัญลักษณ์ X สีแดงสุดเท่ที่เบาะคู่หน้า ในรุ่น SPEED และ เบาะนั่งดีไซน์ทรงสปอร์ต โอบกระชับ นั่งสบาย มาพร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน และสัญลักษณ์ X ปักด้ายแดงสุดเท่ที่เบาะคู่หน้า ในรุ่น HI-LANDER ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์แบบ Aeroscrew ในรุ่น HI-LANDER 2 ประตู และยังมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 รุ่น RZ4E-TC กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน–เมตร ที่ 1,800–2,600 รอบ/นาที

THE NEW MU-X มาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินกลาเซียร์ ไมก้า กระจังหน้า แบบ Black Chrome ชุดแต่งรอบคัน เฉดสี Magnetite Gray รอบคัน ไฟท้าย LED สไตล์ Winglet Signature เล่นระดับแบบ 3 มิติ อารมณ์สปอร์ตโทนเทาดำ ล้ออัลลอย Dynamic Rotor Blade สี Magnetite Gray ปัดเงา ขนาด 20 นิ้ว และ ล้ออัลลอย Aeroscrew ขนาด 17 นิ้ว ภายในโทนสี Macchiato Brown สีน้ำตาลเทาสลับสีน้ำตาลเข้ม เพิ่มอารมณ์หรูด้วยวัสดุ Piano Black และ Chrome เบาะนั่งโอบกระชับรับสรีระยิ่งขึ้น พร้อมด้วยเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ฝาท้าย Smart Tailgate เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ทำงานร่วมกับระบบ Step Sensor นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE แบบฉบับยนตรกรรมระดับพรีเมียมเหนือกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS แบบมีกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

 

MAZDA

มาสด้าให้ความสำคัญยิ่ง เพราะเรากำลังจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยมาสด้าได้เนรมิตรบูธจัดแสดงที่ถูกออกแบบใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More คือการลดทอนส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปคงไว้ซึ่งความสง่างาม เพื่อถ่ายทอดสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่นเฉกเช่นผลงานศิลปะอันเลอค่า “Car as Art” ผนวกเข้ากับความสง่างามของการจัดแสดงรถยนต์รุ่นพิเศษ Mazda Carbon Edition ที่นำมาให้ลูกค้าสัมผัสถึง 4 โมเดล 6 รุ่นย่อย

รวมถึงการเตรียมความพร้อมรองรับลูกค้าในทุกมิติ โดยมุ่งมั่นในการแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกค้ามีความสุข All for Customer และที่สำคัญ คือ ต้องเอาใจใส่ดูแลลูกค้าของเราด้วยการบริการที่เหนือความคาดหวังของลูกค้า งานปีนี้เราไม่ได้ตั้งเป้ายอดขาย หรือ ยอดจองให้ได้มากที่สุด แต่เราอยากให้คนไทยได้เป็นเจ้าของรถยนต์ที่ดีที่สุด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรักษาโลกของเราให้คงความสวยงามเพื่อลูกหลานของเรา ไฮไลต์ประจำงานนี้คือ

Mazda CX-30 Carbon Edition สีเทา แมชชีน เกรย์ โดดเด่นทั้งภายนอกและภายในที่ได้รับการออกแบบขึ้นพิเศษเฉพาะลูกค้าชาวไทย ด้วยแรงบันดาลใจจากคอนเซ็ปต์สไตล์คาร์บอนมาสร้างความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์และถ่ายทอดภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูหรามีระดับ มาพร้อมความโดดเด่นด้วยสีโทนเข้ม ตัดกับกระจกมองข้างสีดำที่มีเอกลักษณ์พิเศษ ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารประณีตพิถีพิถันทุกรายละเอียด สะท้อนความพรีเมี่ยมด้วยเบาะหนังสีแดง Burgundy ตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำและด้ายสีแดง มอบความเพลิดเพลินไปตลอดการเดินทางกับระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิต และมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้มีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม ราคา 1,211,000 บาท

 

 

MERCEDES-BENZ

สำหรับไฮไลต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีด้วยกัน 3 รุ่น  EQS 500 4MATIC AMG Premium ยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่เปิดไลน์การผลิตภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ดีไซน์ภายนอกและภายในสะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 108.4 kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 702 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้งราคา 7,900,000 บาท

 

 

Mercedes-AMG SL 43 รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์มาพร้อมความเป็นที่สุดในทุกด้าน ทั้งความสะดวกสบายในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ตถึงขีดสุดจากภายนอกถึงภายใน ขุมพลัง ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังสูงสุด  381 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ดีไซน์ภายนอกคือการบรรจบกันระหว่างเอกลักษณ์ความเป็นรถสปอร์ตพลังแรงและความเป็นรถยนต์ซีดานที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ส่วนห้องโดยสารภายในให้รายละเอียดที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต 2 ประตูพร้อมเบาะที่นั่งแบบ 2+2 ที่มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการขับขี่ในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะการมาพร้อมระบบ MBUX เจเนอเรชันล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสให้แฟนรถยนต์รุ่น SL ตัวจริงในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร ราคาเริ่มต้น 11,700,000 บาท

 

Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic คือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซีซี ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เป็นเจเนอเรชันที่ 4 ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด สามารถขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถยนต์คันนี้ยังมาพร้อมรายละเอียดของการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ใหม่ในคอนเซ็ปต์ Sensual Purity ที่ให้สัมผัสที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหรา ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและขนาดตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ได้รับการยกระดับขึ้นอีกขั้น ราคา 3,350,000 บาท

 

MG

NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% มาพร้อมคอมเซ็ปต์ “ICON” มาตรฐานใหม่ของรถ EV โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ถือเป็นอีวีสายพันธุ์แท้ด้วยนวัตกรรม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัย ADVANCED SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM ให้อุ่นใจในทุกการขับขี่ NEW MG4 ELECTRIC ถูกออกแบบและพัฒนาให้เป็น “รถยนต์ไฟฟ้า100% ที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง” ที่มาเปลี่ยนสมรรถนะของรถพลังงานไฟฟ้า ให้สนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้น ภายใต้มาตรฐานเดียวกับโกลบอลโมเดล ทั้งนวัตกรรมการขับขี่ไปจนถึงดีไซน์อันโดดเด่นที่ออกแบบให้เป็น รถพลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ

NEW MG4 ELECTRIC มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY ขนาดความจุ 51 kWh สามารถวิ่งในระยะทาง 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบ KERS 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ ระบบโครงสร้างพวงมาลัยรูปแบบใหม่ DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้า มาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW มาด้วยกัน 2 รุ่น รุ่น D ราคา 869,000 บาท และรุ่น X ik8k 969,000 บาท

MINI

MINI COOPER SE รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พัฒนาบนพื้นฐานจากรุ่น 3 ประตู พร้อมการตกแต่งด้วยสีเหลือง Energetic Yellow เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า รองรับการชาร์จไฟฟ้าสูงสุด 50 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟจาก 0-80% ในเวลาเพียง 36 นาที ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุด 217 กม.เมื่อชาร์จเต็ม

MITSUBISHI

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รถอเนกประสงค์เอสยูวี ที่โดดเด่นในด้านสมรรถนะ เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย และความสะดวกสบายภายในห้องโดย ด้วยเทคโนโลยีกรองอากาศบริสุทธิ์ เบาะปรับไฟฟ้าที่รองรับทุกสรีระ และเครื่องเสียงสุดพรีเมียม พร้อมลำโพง 8 จุดรอบคัน เครื่องยนต์ MIVEC ดีเซล 4 สูบ DOHC ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า มาพร้อมระบบเกียร์อัจฉริยะ  8 จังหวะ

 

NETA

NETA S รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสไตล์ Sporty Smart Coupe ที่มาพร้อมระบบช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ โดยรุ่น Special Version ให้พละกำลังสูงสุดถึง 462 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราเร่งจาก 0-100 เพียง 3.9 วินาที และระยะทางในการขับขี่ไกลถึง 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม

NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มอเตอร์ขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 15.3 กม./ม . 150 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 38.5 กิโลวัตต์ต่อชม. สามารถขับได้ไกล 384 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC Charge จาก 0-100% ในระยะเวลาประมาณ 8 ชม.และการชาร์จกระแสไฟตรง DC จาก 30-80% ในระยะเวลาประมาณ 30 นาที

 

 

NISSAN

ไฮไลต์รถยนต์รุ่นพิเศษฉลอง 70 ปีรถยนต์รุ่นพิเศษนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดสำหรับ 4 รุ่นหลัก ได้แก่ นิสสัน อัลเมร่า,  นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์, นิสสัน นาวารา และ นิสสัน เทอร์ร่า  โดยจะมีแถบสติกเกอร์ตกแต่งพิเศษที่สะท้อนความภูมิใจของนิสสัน ตกแต่งทั้งทางกระโปรงหน้า และกระจกมองข้าง โลโก้ 70 ปีด้านท้ายรถ และชุดพรมพร้อมยางปูพื้น  นิสสันผลิตรุ่นพิเศษฉลอง 70 ปีนี้ ในจำนวนจำกัด เพื่อขอบคุณ และเปิดให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการฉลองโอกาสพิเศษ และความผูกพันระหว่างนิสสัน และลูกค้าชาวไทยตลอด 7 ทศวรรษที่ผ่านมา

ราคา

นิสสัน อัลเมร่า รุ่นพิเศษฉลอง 70 ปี ราคา 685,000  บาท

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รุ่นพิเศษฉลอง 70 ปี  ราคา 909,000  บาท

นิสสัน นาวารา รุ่นพิเศษฉลอง 70 ปี  ราคา 944,000 บาท

นิสสัน เทอร์ร่า รุ่นพิเศษฉลอง 70 ปี   ราคา 1,565,000 บาท

PEUGEOT

Peugeot 2008 SUV มาพร้อมชุดแต่ง GT EDITION แต่งเต็มพิกัด เพิ่มดีกรีความร้อนแรง สไตล์สปอร์ต เอสยูวีคนรุ่นใหม่ หัวใจพรีเมี่ยม ตกแต่งหลังคา Wrop สีดำ คิ้วกันชนหน้า-หลังสปอร์ต พร้อมสปอยเลอร์หลังคาท้ายรถ และสัญลักษณ์ GT ตัดกับสีของตัวรถและไฟ DAYTIME RUNNING LIGHT คู่ หน้าฝังอยู่ในกันหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเปอโยต์ พร้อมไฟหน้าแบบ Full LED หน้าจอแดชบอร์ด 3 มิติ แสดงข้อมูลการขับขี่ได้ทุกมุมมอง เครื่องยนต์เบนซิน PURETECH 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ

SUBARU

ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับขี่ล่าสุด EYESIGHT 4.0 ที่ได้รับการจัดให้อยู่ในระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ADAS ระดับ 2 เป็นระบบความปลอดภัยที่การันตีด้วยรางวัลระดับโลก โดยระบบ EYESIGHT 4.0 ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ด้วยกล้องสเตริโอใหม่ และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ/บังคับพวงมาลัยหลบหลีอัตโนมัติไปยังพื้นที่ว่าง ระบบเตือนและบังคับพวงมาลัยอัตโนมัติ เมื่อรถเริ่มเบี่ยงออกนอกเส้นทาง

 

SUZUKI

Suzuki Ertiga Smart Hybrid ภายนอกมาพร้อมกระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ระบบไฟหน้า เปิด-ปิด อัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Guide me ไฟตัดหมอกคู่หน้า ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยคอนโซลหน้าและแผงประตูตกแต่งด้วยลายไม้ ไฟส่องสว่างในรถบริเวณห้องโดยสารด้านหน้าและบริเวณกลางห้องโดยสาร หน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุ MP3 และ WMA พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Suzuki Ertiga Smart Hybrid มาพร้อมเครื่องยนต์ K15B 4สูบ 16 วาล์ว 1,462 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร / 4,400 รอบต่อนาที 

 

LAMBORGHINI

LAMBORGHINI URUS PERFORMANTE ไอคอนนิคแห่งความแรงใหม่ล่าสุดจากแบรนด์กระทิงดุ มิติใหม่แห่งสุดยอดสมรรถนะและสัมผัสการขับขี่แนวสปอร์ตในแบบฉบับซูเปอร์เอสยูวี มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ทวินเทอร์โบ วี 8 สูบ 666 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,300 – 2,400 รอบต่อนาที ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ในส่วนต่าง ๆ ลดน้ำหนังลง 47 กก. อัตราส่วนน้ำหนัก 3.2กก./แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.3 วินาที และเบครจากความเร็ว 100 กม./ชม. จนรถหยุดนิ่งได้ใช้ระยะทางเพียง 32.9ม. ความเร็วสูงสุด 306 กม./ชม. และเสริมโหมด Rally สำหรับทางวิบาก

 

JEEP

Jeep Gladiator Rubicon  ยนตรกรรมออโรด อเนกประสงค์ ศักยภาพสูงสุดในปฐมพี ขับเคลื่อน 4 ล้อ  4x4 หนึ่งเดียวในโลกที่สามารถถอดหลังคา และประตูทั้ง 4 บานออกได้ อย่างง่ายดาย มาพร้อมเครื่องยนต์ PENTASTAR 3.6 ลิตร 280 แรงม้า แรงบิด 347 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ROCK-TRAC ระบบปรับสมรรถนะ Off-Road+ และระบบตัดการทำงานระบบกันโคลงหน้าแบบไฟฟ้า ลากจูงได้สูงสุด 2,721 กก. บรรทุกได้สูงสุดที่ 620 กก. พร้อมกระบะท้ายที่มากับ Bedliner ที่ได้รับการเคลือบพื้นผิวแบบ SPRAY-IN เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน สามารถฟันฝ่าอุปสรรคในทุกสภาพเส้นทางอย่างมั่นใจด้วยโช้คอัพประสิทธิภาพสูงจาก FOX

 

TOYOTA

TOYOTA bZ4X คือ รถยนต์นั่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEV) ประเภท SUV ขนาดกลาง หนึ่งในยนตรกรรมแห่งอนาคตใหม่ล่าสุดจากโตโยต้า สำหรับ TOYOTA bZ4X มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มาจากชุดมอเตอร์อิสระ 2 ชุด เร่งแรงได้ดั่งใจกำลังจากมอเตอร์หน้า 80 กิโลวัตต์ และหลัง 80 กิโลวัตต์ รวมให้กำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ หรือ 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 337 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ภายใน 6.9 วินาที ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่เกาะถนน ดีเยี่ยม การขับขี่แบบ X-Mode ใหม่ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพ และการยึดเกาะของรถบนทุกพื้นผิวถนน ควบคุมการกระจายแรงขับที่ล้อ เบรก และคันเร่ง เพื่อใช้กับถนนลื่น และเนินเขาสูง และยังมีระบบ Regenerative Braking Mode ที่จะช่วยนำพลังงานไฟฟ้ากลับมาทุกครั้งที่ยกคันเร่ง สำหรับแบตเตอรี่ผ่านการทดสอบหลายรูปแบบ ทั้งมีขบวนการกำจัดสิ่งแปลกปลอมตลอดกระบวนการผลิต ที่สำคัญยังได้รับการปกป้องภายใต้โครงสร้างตัวรถที่ออกแบบมาอย่างแข็งแกร่ง พร้อมแผ่นรองรับกันกระแทกที่มีน็อตยึดเพิ่มความแข็งแรงมากถึง 56 จุด พร้อมฉนวนหุ้มระบบไฟฟ้าแรงดันสูงกันน้ำถึง 3 ชั้น และระบบล็อคที่ข้อต่อสายไฟ 2 ชั้น ป้องกันอย่างแน่นหนาไม่ให้น้ำรั่วซึมเข้าถึงระบบไฟฟ้าแรงดันสูงได้

VOLVO

พบกับสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ใน Volvo C40 Recharge Pure Electric  รถรุ่นแรกของวอลโว่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% เท่านั้น มาในสไตล์ครอสโอเวอร์ คูเป้ พร้อมพลังมอเตอร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Dual Motor AWD ให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า ที่ 4,350 – 13,900 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 660 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0 - 100 ใน 4.7 วินาที ให้ระยะทางการขับขี่มากกว่า 530 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง แบตเตอรี่รองรับการชาร์จเร็วจาก 10 - 80% (150 kW) ภายใน 28 นาที ส่งมอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขับขี่ตลอดเส้นทางผ่านกล้องพร้อมเซ็นเซอร์อัจฉริยะและเทคโนโลยีล้ำสมัย และยังสามารถอัปเดทประสิทธิภาพและฟังก์ชันได้อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานและเทคโนโลยีใหม่ ๆ (Over-the-air update)

ทั้งหมดที่หยิบยกมานำเสนอในคอนเทนท์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง สำหรับท่านใดที่สนใจอยากชมและสัมผัส นวัตกรรมยานยนต์ ในหลากหลายรูปแบบเชิญรับชมได้วันนี้ – 12 ธันวาคมนี้ ที่ชาเลนเจอร์ฮอล์ เมืองทองธานี