ตลาดรถยนต์สิงหาคมติดลบต่อเนื่อง 11.7%
รถเก๋งยังโดนใจลูกค้าเติบโตต่อยอดขาย 23,645 คัน
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2566 ด้วยยอดขาย 60,234 คัน ลดลง 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่รถยนต์นั่งยังอยู่ในความต้องการของลูกค้า เติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 23,645 คัน เติบโต 4.9% ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องด้วยยอดขาย 36,589 คัน ลดลง 19.9% โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ ชะลอตัวเช่นกันด้วยยอดขาย 24,622 คัน ลดลงอย่างมากถึง 32.6%
ตลาดรถยนต์สิงหาคมชะลอตัว 11.7% ด้วยยอดขาย 60,234 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งยังเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 4.9% ด้วยยอดขาย 23,645 คัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวที่ 19.9% ด้วยยอดขาย 36,589 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ชะลอตัวถึง 32.6% ด้วยยอดขาย 24,622 คัน จากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ลื่นไหล ส่งผลให้มีการชะลอการสินใจซื้ออย่างต่อเนื่องของภาคธุรกิจ และภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจขนส่ง โดยมีประเด็นสำคัญคือความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่มีความกังวลต่อหนี้เสียอันเป็นผลต่อเนื่องที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
ตลาดรถยนต์กันยายนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเข้าสู่ช่วงปลายปีตามฤดูกาลขาย อย่างไรก็ดีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขยายตัวของตลาดรถยนต์ในช่วงนี้
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2566
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 60,234 คัน ลดลง 11.7 %
อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,871 คัน ลดลง 10.6 % ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 11,380 คัน ลดลง 28.2% ส่วนแบ่งตลาด 18.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,084 คัน เพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนแบ่งตลาด 11.8%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,645 คัน เพิ่มขึ้น 4.9 %
อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,346 คัน เพิ่มขึ้น 12.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 4,348 คัน ลดลง 25.3% ส่วนแบ่งตลาด 18.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 929 คัน ลดลง 41.6% ส่วนแบ่งตลาด 3.9%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 36,589 คัน ลดลง 19.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,525 คัน ลดลง 21.5% ส่วนแบ่งตลาด 34.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 11,380 คัน ลดลง 28.2% ส่วนแบ่งตลาด 31.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,956 คัน ลดลง 36.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 24,622 คัน ลดลง 32.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 10,014 คัน ลดลง 28.1% ส่วนแบ่งตลาด 40.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,999 คัน ลดลง 31.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,956 คัน ลดลง 36.8% ส่วนแบ่งตลาด 12.0%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,061 คัน โตโยต้า 2,047 คัน - อีซูซุ 1,576 คัน – ฟอร์ด 1,130 คัน – มิตซูบิชิ 232 คัน – นิสสัน 76 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,561 คัน ลดลง 36.3%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 8,423 คัน ลดลง 35.0% ส่วนแบ่งตลาด 43.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,967 คัน ลดลง 31.0% ส่วนแบ่งตลาด 40.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,826 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 9.3%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – สิงหาคม 2566
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 524,784 คัน ลดลง 6.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 178,151 คัน ลดลง 4.0% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 109,396 คัน ลดลง 23.0% ส่วนแบ่งตลาด 20.8%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 60,769 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.6%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 194,243 คัน เพิ่มขึ้น 9.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 67,435 คัน เพิ่มขึ้น 31.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.7%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 39,695 คัน ลดลง 0.8% ส่วนแบ่งตลาด 20.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 11,593 คัน ลดลง 20.4% ส่วนแบ่งตลาด 6.0%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 330,541 คัน ลดลง 13.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 110,716 คัน ลดลง 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 33.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 109,396 คัน ลดลง 23.0% ส่วนแบ่งตลาด 33.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 25,827 คัน เพิ่มขึ้น 11.4% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 232,556 คัน ลดลง 22.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 98,860 คัน ลดลง 24.5% ส่วนแบ่งตลาด 42.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 90,646 คัน ลดลง 21.7% ส่วนแบ่งตลาด 39.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 25,827 คัน เพิ่มขึ้น 11.4% ส่วนแบ่งตลาด 11.1%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 43,001 คัน โตโยต้า 15,585 คัน - อีซูซุ 15,206 คัน – ฟอร์ด 8,334 คัน – มิตซูบิชิ 3,038 คัน – นิสสัน 838 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 189,555 คัน ลดลง 26.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 83,654 คัน ลดลง 29.5% ส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 75,061 คัน ลดลง 23.9% ส่วนแบ่งตลาด 39.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 17,493 คัน ลดลง 8.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%