ปอร์เช่ ตั้งเป้าชนะต่อเนื่องในการแข่งขัน E-Prix

รักษาฟอร์ม ณ สนามแรกในอินเดีย

 

การแข่งขัน ABB FIA Formula E World Championship เข้มข้นขึ้น ด้วยรายการ Hyderabad E-Prix ที่เริ่ม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2023 จากซีรีย์การแข่งขันรถพลังงานไฟฟ้า ฉลองการเปิดสนามรายการแรกในอินเดีย หลังจากออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้สวยงามด้วยชัยชนะที่ดิริยาห์ ทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E มุ่งสู่การแข่งขันรายการนี้ด้วยความมั่นใจ

ทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ได้ส่งรถแข่ง Porsche 99X Electric ที่พัฒนาโดย Weissach จำนวน 2 คัน ลงสนามแห่งใหม่ในเมืองหลวงของรัฐเตลังคานา โดย Pascal Wehrlein ออกเดินทางไป ณ เมืองไฮเดอราบัดในฐานะผู้นำชัยชนะประเภทนักแข่งในรายการ ABB FIA Formula E World Championship เขาตั้งตารอความท้าทายใหม่นี้มากพอ ๆ กับ António Félix da Costa เพื่อนร่วมทีมซึ่ง Hyderabad E-Prix เป็นการแข่งขัน Formula E เรซที่ 100 ของเขา

 

ทีมแข่งอิสระ Avalanche Andretti ลงแข่งขันด้วย Porsche 99X Electric 2 คัน โดยทีมแข่งรถชาวอเมริกันอย่าง Michael Andretti ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของทีม มีตำนานดีกรีนักแข่งที่ชนะการแข่งขันเปิดฤดูกาลในเม็กซิโกมาแล้ว และมีคะแนนนำในประเภททีมของรายการ ABB FIA Formula E World Championship โดยนำทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E อยู่เพียง 2 คะแนน โดย Pascal Wehrlein พาทีมจาก Weissach ชนะการแข่งขันสนามกลางคืน 2 แห่ง ณ เมืองดิริยาห์ ส่งผลให้ ณ ปัจจุบันจนถึงขณะนี้ The Porsche 99X Electric คว้าชัยชนะมาแล้วทั้ง 3 สนามที่ลงแข่งในฤดูกาลที่ 9  โดย Hyderabad E-Prix ถือเป็นสนามใหม่และสนามแรกของการแข่งขันนับรวมจาก 4 สนามที่วางไว้ในปฏิทินการแข่งขัน Formula E ปี 2023 สำหรับเมืองที่เป็นเจ้าภาพในซีรีย์การแข่งขันรถพลังงานไฟฟ้าครั้งแรกของโลกนี้ ได้แก่ เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ จะมีการแข่งขันในวันที่ 25 กุมภาพันธ์, เซา เปาโล ประเทศบราซิล แข่งขันในวันที่ 25 มีนาคม และพอร์ตแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แข่งขันในวันที่ 24 มิถุนายน

 

ถาม-ตอบเกี่ยวกับ Hyderabad E-Prix

Florian Modlinger ผู้อำนวยการ Factory Motorsport Formula E

คุณโล่งใจแค่ไหนที่ทีมของคุณออกสตาร์ทได้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และคุณคาดหวังอะไรที่ไฮเดอราบัด

“ใน Formula E เราทุกคนแข่งขันกันด้วยรถใหม่ แน่นอนว่ามันเยี่ยมมากที่ออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ได้สวยแบบนี้ เราแสดงให้เห็นว่า เราแข็งแกร่งแค่ไหนใน 2 สนามที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงอย่างนั้น ไม่มีอะไรจะรับประกันความสำเร็จได้ เราต้องพัฒนาในการแข่งแต่ละเรซ และจับตาดูคู่แข่งให้ดี ที่ไฮเดอราบัด เราจะเจอกับสนามแข่งใหม่ของฤดูกาลนี้สนามแรก เรากำลังเตรียมตัวอย่างพิถีพิถัน และแก้ไขจุดอ่อนที่เราพบ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในอินเดียเช่นกัน”

ความคาดหวังย่อมเพิ่มขึ้นตามความสำเร็จ คุณจัดการกับมันอย่างไร

“ความคาดหวังที่สูงที่สุด คือความคาดหวังที่เราตั้งเอง เราอยากอยู่บนจุดสูงสุด เราอยากชนะการแข่ง และขึ้นโพเดียม และแน่นอน เราอยากลุ้นแชมป์จนจบ นั่นคือเป้าหมายของเราตั้งแต่แรกและยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราเพิ่งจะผ่านไป 3 สนาม ฤดูกาลนี้ยังอีกยาว เราลงแข่งด้วยสมาธิที่มากที่สุดในแต่ละสนาม ที่เม็กซิโกซิตี และดิริยาห์ เราได้แสดงให้เห็นว่า ทีมของเราเก่งกาจในสภาพสนามที่แตกต่างกัน ที่ไฮเดอราบัดเอง เราก็จะจู่โจมอีก”

 

Pascal Wehrlein นักขับทีมโรงงานปอร์เช่ (#94)

เป็นการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ 9 ที่ยอดเยี่ยมมาก ชนะ 2 ครั้งที่ดิริยาห์ เป็นผู้นำใน World Championship คุณรู้สึกอย่างไร

“เยี่ยมมาก มันดีมาก ๆ ที่รู้สึกพลังบวกมากมายขนาดนี้ในทีม หลังชัยชนะ 2 ครั้งที่ดิริยาห์ ทุกคนทุ่มเทความมุ่งมั่น หัวใจ และจิตวิญญาณให้กับโครงการนี้ และการออกสตาร์ทฤดูกาลที่วิเศษนี้ทำให้เราทุกคนภูมิใจ แน่นอนว่ายังมีหลายสิ่งที่เราต้องปรับปรุง เรายังไม่ใช่ทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในการลุ้นแชมป์ แต่เราก็พาตัวเองมาอยู่ในจุดที่เราสามารถขับไปจนถึงแถวหน้าได้ รถยังใหม่สำหรับเรา และเราจะคุ้นเคยกับมันมากขึ้นทุกสุดสัปดาห์ เราทำการบ้านของเราแล้ว แต่แค่เพราะเราชนะ ไม่ได้หมายความว่าเราจะยกเท้าจากคันเร่งได้”

การออกสตาร์ทฤดูกาลที่เกือบจะสมบูรณ์แบบนี้มีความหมายต่อการแข่งเรซต่อ ๆ ไปอย่างไร และคุณเฝ้ารอการแข่งขันในอินเดียแค่ไหน

“ก่อนอื่น มันสำคัญสำหรับเรามากที่ทำผลงานได้ดีเหมือนกันในสนามแข่ง 2 แห่งที่ไม่เหมือนกันเลย เราเคยทำได้ดีมาก่อนในเม็กซิโก และความจริงที่ว่าเราสามารถยืนยันสิ่งนี้ได้ที่ดิริยาห์ทำให้ทีมผ่อนคลายลงอย่างมาก มันทำให้เรามีความหวังกับอนาคต แน่นอนว่าเรายังต้องหาทางปรับแต่งให้เหมาะสมที่สุดในทุก ๆ สนาม แต่การที่รถของเราวิ่งได้ดีมากในการแข่งขัน 2-3 เรซแรกเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น ผมตั้งตารอการแข่งขันที่ไฮเดอราบัดมากๆ เราไม่เคยไปอินเดีย เราจะพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะประสบความสำเร็จที่นั่นให้ได้เช่นกัน”

 

António Félix da Costa, นักขับทีมโรงงานปอร์เช่ (#13)

ที่ไฮเดอราบัด คุณจะลงแข่ง Formula E สนามที่ 100 ในอาชีพ มันมีความหมายกับคุณอย่างไร

“100 เรซใน Formula E มันเหลือเชื่อจริงๆ เป็นหลายปีที่น่าตื่นเต้นมาก ๆ ชนะ 7 สนาม ขึ้นโพเดียม 16 ครั้ง ได้ตำแหน่งโพล 8 ครั้ง กับแชมป์ 1 สมัย มันทำให้ผมภูมิใจมาก ผมรัก Formula E และอยู่มาตั้งแต่สนามแรก ปีที่แล้ว เราแข่งที่จาการ์ตาเป็นครั้งแรก ซึ่งผมออกสตาร์ทจากแถวหน้า นั่นอาจจะเป็นนิมิตรหมายที่ดี ไม่ว่ายังไง ไฮเดอราบัดจะเป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่พิเศษมาก ๆ สำหรับผม”

ประสบการณ์อะไรจากเม็กซิโกและดิริยาห์ที่คุณจะนำมาใช้ที่ไฮเดอราบัด และคุณคาดหวังอะไรจากการแข่งขัน Formula E ครั้งแรกในอินเดีย

“เราเรียนรู้เยอะมากที่เม็กซิโกและดิริยาห์ ผมทำงานหนักมาก ๆ กับทีมวิศวกร เพื่อที่จะรู้ว่าเราต้องทำอะไรบ้างหลังจากนี้ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จที่ไฮเดอราบัด อินเดียเป็นประเทศใหม่สำหรับผม ผมคิดว่าเราไม่ควรตีกรอบตัวเองอยู่แค่การทำให้ผู้คนตื่นเต้นกับการแข่งรถ เราควรรณรงค์เรื่องความยั่งยืนและค่านิยมต่างๆ เช่น การยอมรับและความหลากหลายในกลุ่มคนที่มาที่สนามแข่งด้วย”

 

 

สนามแข่ง

Hyderabad E-Prix จะแข่งขันกันบนสนามแข่งที่สร้างขึ้นใหม่ในย่านชานเมืองของมหานครที่พลุกพล่าน สนามแข่งความเร็วนี้ตั้งอยู่บนฝั่งทางทิศใต้ของทะเลสาบฮุสเซนสาคร (Lake Hussain Sagar) มีความยาว 2.816 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางตรงยาวหลายช่วง และโค้ง 18 โค้งการถ่ายทอดสดทางทีวีและอินเทอร์เน็ต ดูตารางการถ่ายทอดทั่วโลกของการแข่งขัน Formula E ในไฮเดอราบัดได้ที่ https://www.fiaformulae.com/watch/ways-to-watch

Porsche 99X Electric

ปอร์เช่ส่ง Porsche 99X Electric ลงแข่งขันรายการ ABB FIA Formula E World Championship รถแข่งพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับขุมพลัง Porsche E-Performance ซึ่งได้รับการปรับแต่งที่ Weissach สำหรับยานยนต์รุ่นที่ 3 ในซีรีย์การแข่งรถพลังงานไฟฟ้านวัตกรรมใหม่ รถรุ่นนี้ยังทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นที่ผลิตเพื่อจำหน่ายของปอร์เช่  การจัดการและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความสำเร็จใน Formula E และในรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตเพื่อจำหน่ายของปอร์เช่  Porsche 99X Electric รุ่นใหม่นี้มีกำลังสูงสุด 350 kW (476 PS) ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 100 kW (รุ่น 2) ขณะที่ระบบเบรกแบบ regenerative สามารถจ่ายพลังงานคืนได้อย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ใช้ไป

 

Porsche Taycan Turbo S safety car

ปอร์เช่ยึดมั่นเรื่องความปลอดภัยในการแข่งขัน Formula E โดยส่งรถยนต์พลังไฟฟ้า Taycan Turbo S ทำหน้าที่ safety car อีกครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งย้ำถึงความสำคัญของ Formula E ต่อ Porsche Motorsport ด้วยความสามารถในการขับขี่ และกำลังสูงสุดที่ 560 kW (761 PS) ทำให้รถรุ่นท็อปในไลน์ Taycan เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ safety car ในซีรีย์รถแข่งพลังงานไฟฟ้ารายการแรกของโลก งานสีที่สะดุดตาเป็นการรวมสีของทีมที่ร่วมแข่งขันทั้งหมด 11 ทีม รวมถึงทีมใน FIA และ Formula E ขณะที่การออกแบบแสดงถึงความมุ่งมั่นร่วมกันที่มีต่ออนาคตของการแข่งรถพลังงานไฟฟ้า และค่านิยมทางสังคม เช่น ความหลากหลาย และการอยู่ร่วมกัน

Formula E

Formula E คือซีรีย์การแข่งขันรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบรายการแรกของโลกที่นำกีฬาการแข่งขันรถที่น่าตื่นเต้นมาสู่ผู้ชมในเมืองใหญ่ ๆ ตั้งแต่ปี 2014 ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันเทคโนโลยีใหม่ ๆ และความยั่งยืน การแข่งขัน Formula E ยังส่งเสริมให้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับทั่วโลก โดยมีนักขับ 22 คน จาก 11 ทีม ที่ลงแข่งขันในฤดูกาล 2022/2023 ซึ่งรับประกันได้ว่าจะเป็นการแข่งขันที่น่าสนใจและขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด  ทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E Team ลงแข่งในซีรีย์การแข่งขันรถพลังงานไฟฟ้าเป็นฤดูกาลที่ 4 ด้วย Porsche 99X Electric