ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่
สายลุยทุกสภาพเส้นทาง
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เผยโฉม ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์เจเนอเรชันใหม่ ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นที่ 2 ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อพร้อมตะลุยทะเลทราย พิชิตภูเขาสูงชัน และทุกสภาพเส้นทางหฤโหดยิ่งกว่าเดิม พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงเพื่อผู้หลงใหลการขับขี่ออฟโรดตัวจริง
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการพัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ให้เป็นที่สุดแห่งรถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลเรนเจอร์ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยมากขึ้น ควบคุมการทำงานของตัวถังที่แข็งแกร่งและเหนือชั้นยิ่งขึ้น ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงเป็นรถกระบะตระกูลเรนเจอร์ ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา
อีกขั้นของขุมพลัง
ข่าวใหญ่ที่สุดสำหรับแฟนรถสมรรถนะสูง นั่นคือการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 397 PS ที่ 5,650 รอบต่อนาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร จะยังคงมีอยู่ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่จะวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2566 รายละเอียดรถสำหรับแต่ละประเทศจะแจ้งเมื่อใกล้ถึงกำหนดการเปิดตัวi
เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ ใช้เสื้อสูบกราไฟต์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไปจะมีความแข็งแรงมากกว่าถึง 75% และทนทานกว่าถึง 75% โดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ได้ออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองกับการเร่งความเร็วได้อย่างฉับไว พร้อมระบบป้องกันการรอรอบแบบที่ใช้ในรถแข่งเพื่อมอบอัตราเร่งทันใจ
ระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System - ALS) เป็นส่วนหนึ่งของโหมดบาฮาii ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง รถจึงคืนความเร็วได้ทันใจขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์
เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่จะทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งเกียร์แต่ละสปีดได้รับการตั้งค่าเฉพาะตัวแตกต่างกัน ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมเอาชนะทุกเส้นทางหฤโหด ไม่ว่าจะเป็นกรวด ดินลูกรัง โคลน หรือทราย และด้วยระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าพร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ถึง 4 โหมด (โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮาii) ผู้ขับขี่จึงปรับระดับความดังเสียงท่อไอเสียของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ให้มีความนุ่มนวลไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ได้ตามต้องการ
ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับความดังของท่อไอเสียได้เพียงกดปุ่มบนพวงมาลัย หรือเลือกโหมดการขับขี่ดังต่อไปนี้
- โหมดเงียบ : ออกแบบมาเพื่อตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบมากกว่าการอวดสมรรถนะ เหมาะสำหรับการสตาร์ทรถตอนเช้าตรู่ เพื่อลดเสียงรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้คนในชุมชน
- โหมดปกติ : สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ดังเกินไปสำหรับการขับบนท้องถนน โดยจะเป็นค่าเริ่มต้นกับการขับขี่โหมดปกติ โหมดถนนลื่น โหมดโคลน และโหมดหิน
- โหมดสปอร์ต : มอบเสียงดังกระหึ่มขึ้น เมื่อต้องการเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้น
- โหมดบาฮา : โหมดเสียงที่อวดความแรงสูงสุดทั้งความดังและความทุ้ม เสมือนระบบต่อตรงออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรดเท่านั้น
ความแกร่งเพื่อทุกสภาพแวดล้อมสุดหฤโหด
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ใช้แชสซีอันเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาก ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ โดยเพิ่มการประกอบและอุปกรณ์เสริมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสาซี กระบะท้าย ล้ออะไหล่ ไปจนถึงโครงรถแบบพิเศษที่พร้อมรองรับแรงกระแทกจากกันชน ขายึดโช้ค และฐานยึดโช้คหลัง ทั้งหมดนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมตะลุยเส้นทางออฟโรดสุดแสนหฤโหด
รถออฟโรดสมรรถนะสูงอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ต้องใช้ช่วงล่างที่แกร่งเพียงพอ ช่วงล่างของรุ่นนี้จึงได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยปีกนกบนและล่างใหม่ที่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา รวมถึงระบบกันสั่นสะเทือนที่มีระยะยืดยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลังที่พัฒนามาเพื่อให้เจ้าของรถขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระได้อย่างมั่นใจ
องค์ประกอบสำคัญของรถที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกจากลูกกระโดดและหลุมบ่อ คือระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ นับว่าได้ว่าระบบกันสะเทือนนี้ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon™ ที่ลดการเสียดสีลงได้ถึง 50 % เมื่อเทียบกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นก่อนหน้านี้”
ขณะที่ส่วนฮาร์ดแวร์ผลิตโดย FOX แต่ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ คือผู้รับหน้าที่ปรับจูนและพัฒนาโช้คอัพรุ่นนี้โดยผสมผสานการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การปรับการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด-หดของโช้ค เพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบทั้งความสะดวกสบาย การควบคุมรถ ความมั่นคง และการยึดเกาะถนนทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด
ระบบช่วงล่างแบบ ไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ยังได้รับการปรับแต่งให้มอบความสบายบนทางเรียบ และประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดทั้งแบบความเร็วสูงและความเร็วต่ำได้ โดยทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ใหม่iii ที่ผู้ขับขี่เลือกได้เอง
นอกจากการทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ต่าง ๆ แล้ว ระบบดังกล่าวยังเตรียมความพร้อมให้ตัวรถในการตะลุยพื้นที่ได้หลากหลาย โดยเมื่อโช้คได้รับแรงกด ระบบบายพาสจะจำงานเพื่อตอบสนองและช่วยซับแรงได้อย่างพอเหมาะ และผลักแรงกลับไปเมื่อโช้คมีการคืนตัวเต็มที่
ระบบป้องกันการหดตัวค้าง (Bottom-Out Control) ของ FOX ที่ได้รับการพิสูจน์จากสนามแข่งช่วยสร้างแรงหน่วงสูงสุดในระยะ 25 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายของการหดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้โช้คค้าง ในทำนองเดียวกัน ระบบดังกล่าวยังช่วยชะลอการหดตัวของโช้คหลัง เพื่อไม่ให้รถกระแทกแรงเกินไปขณะเร่งความเร็ว เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่มากขึ้น เมื่อระบบกันสะเทือนสร้างแรงหน่วงในปริมาณที่พอเหมาะในทุกการเคลื่อนไหวของรถ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงยึดเกาะพื้นผิวได้ดีทั้งบนถนน และเส้นทางสมบุกสมบัน
สมรรถนะในการฟันฝ่าเส้นทางที่ท้าทายของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมาจากการติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติที่ใช้กับฟอร์ด เรนเจอร์ อีกทั้งยังทำขึ้นจากเหล็กเหล็กที่มีความแข็งแรงหนา 2.3 มิลลิเมตร เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์และชุดเกียร์จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองได้ดีเยี่ยม
ตะขอลากจูงคู่หน้าและหลังทำให้รถพร้อมลุยในเส้นทางออฟโรดทุกสถานการณ์ ให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ตะขอใดตะขอหนึ่งเป็นจุดยึดสายลากจูงได้ ในกรณีที่ตะขออีกด้านเข้าถึงได้ยาก ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสมดุลด้วยการใช้สายลากจูงสองเส้นเพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึกหรือหล่มโคลนได้
ควบคุมดีเยี่ยมบนทุกสภาพถนน
นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบตลอดเวลา โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials ครั้งแรก นับเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์คอออฟโรดตัวจริง
โหมดการขับขี่ออฟโรด
- โหมดหิน : มอบการยึดเกาะและการทรงตัวที่เหนือชั้นบนพื้นผิวที่ลื่นไถลได้ง่าย
- โหมดทราย : สำหรับใช้ขับบนพื้นทรายหรือหิมะ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลังและการเปลี่ยนเกียร์
- โหมดโคลน : เพิ่มศักยภาพในการยึดเกาะขณะออกตัว และรักษาการทรงตัวของรถ
- โหมดบาฮา : เปลี่ยนเข้าสู่การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเต็มสมรรถนะ โดยปรับทุกระบบให้พร้อมสำหรับการลุย