ฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ รุ่น XLS

ตอบโจทย์คน กทม. ประสบปัญหาน้ำรอระบาย

เป็นความโชคดี ธรรมชาติจัดสรร ให้วันที่ฝนถล่มกทม. เป็นวันที่ดิฉันไปรับรถฟอร์ด เรนเจอร์ XLS มาเพื่อทำรีวิวค่ะ ถ้าเป็นยี่ห้ออื่น รุ่นอื่น ดิฉันคงโดนเขาด่าตายไปแล้วจ้า เพราะน้ำรอระบายเจิงนองเกินน่องสั้น ๆ ของฉัน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นรถต่ำ ๆ หรือเป็นรถไฟฟ้า มันคง มันคง ไม่อยากคิดเลย

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่น XLS #FordRangerXLS เป็นรถเรนเจอร์ ใหม่ ที่ฟอร์ดเขาพัฒนามาเพื่อการใช้งานแบบอเนกประสงค์ สำหรับกลุ่มลูกค้าเจ้าของธุรกิจขนาดย่อม ชูความแข็งแกร่งของตัวถังและช่วงล่าง ผสานเทคโนโลยีทันสมัย และระบบความปลอดภัยครบครัน โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุดัน สมรรถนะที่ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ นำเสนอในราคาสุดคุ้ม พร้อมเป็นผู้ช่วยให้ทุกงานสำเร็จได้ง่ายขึ้น

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่น XLS  มีให้เลือกทั้งแบบ 4 ประตู และแบบตอนครึ่ง ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้พละกำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร พร้อมตอบโจทย์ความต้องการในการทำงานอย่างตรงจุด

การพัฒนารถรุ่นใหม่ ๆ ฟอร์ดอ้างอิงจากการค้นคว้าวิจัยความต้องการของลูกค้าอย่างใกล้ชิด และได้เพิ่มฟีเจอร์และประโยชน์ใช้สอยให้ลูกค้าใช้งานฟอร์ด เรนเจอร์ XLS ได้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าที่เคยด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อัดแน่นมาเต็มคัน เพื่อตอบโจทย์การเป็นรถกระบะเพื่อการทำงาน อาทิ   

- ไฟหน้าแบบแอลอีดี มัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบแอลอีดี มอบความอุ่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

- บันไดเหยียบข้างกระบะท้าย ให้ขึ้นท้ายกระบะได้สะดวกยิ่งขึ้น

- แผงหน้าปัดดิจิทัล ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 10.1 นิ้ว ควบคุมฟีเจอร์ความสะดวกสบายต่าง ๆ ภายในรถได้อย่างง่ายดายและทันสมัย

- กล้องมองหลังขณะถอยจอด แสดงภาพด้านหลังรถผ่านหน้าจอแสดงผลบนคอนโซลกลาง เพื่อการถอยจอดแบบเข้าซองอย่างปลอดภัย

- พวงมาลัยไฟฟ้า ช่วยผ่อนแรงในการขับขี่ มอบความสะดวกสบายในการเดินทางทั้งใกล้-ไกล ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมานั้น เป็นจุดที่มีความต้องการใช้งานจริง ซึ่งถือเป้นจุดเด่นของรถยนต์ฟอร์ดในเจเนเรชั่นหลังที่ขาให้ความใส่ใจกับลูกค้า ผู้ใช้งานจริงมากขึ้น ไม่ได้ปรับเพิ่มตามครีเอทีฟของวิศวกรเท่านั้น

นอกจากออพชั่นที่กล่าวมาแล้ว ในรถรุ่นนี้ ได้เติมอรรถประโยชน์ในการใช้งานในส่วนของมิติตัวรถด้วยคือ รุ่น 4 ประตู สูงxกว้างxยาว 1,884 มม.x1,918 มม.x5,370 มม. ในส่วนของรุ่นตอนครึ่ง สูงxกว้างxยาว  1,874 มม.x1,918 มม.x5,370มม. เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกเลยทีเดียว

ในส่วนของเครื่องยนต์ ฟอร์ด เรนเจอร์ XLS มีขนาด  2.0 ลิตร เทอร์โบ และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร , ดิสก์เบรกหน้า พร้อมครีบระบายความร้อน และ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/70 R17

สำหรับอุปกรณ์ภายนอกที่เด่น ๆ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟตัดหมอกหน้า , กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว , บันไดข้างและบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย และ กันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ อุปกรณ์ภายในและความสะดวกสบาย ประกอบด้วย เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และด้านผู้โดยสาร 4 ทิศทาง นอกจากนี้ยัง สามารถเชื่อมต่อและความบันเทิงภายในรถได้อย่างง่ายดาย

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่น XLS มาพร้อมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงมากมาย ได้แก่ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™ รุ่นใหม่เป็นซิงก์ 4 แล้วทำงานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะทีเดียว ส่วนหน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ  ช่องต่อ USB 2 จุด พร้อม ช่องต่อไฟ 12V จำนวน 2 ช่อง ลำโพง 6 ตำแหน่ง  และสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบริเวณพวงมาลัย ทุก ๆ ระบบช่วยให้บันเทิงและเพลิดเพลินได้อย่างครบครัน

มาดูกันที่อุปกรณ์ความปลอดภัย ฟอร์ด เรนเจอร์ XLS มีถุงลมนิรภัยคู่หน้า (เฉพาะรุ่นตอนครึ่ง) และมีถุงลมนิรภัย 6 จุด ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย (เฉพาะรุ่น 4 ประตู) ส่วนระบบช่วยโทรฉุกเฉิน , กล้องมองหลังขณะถอยจอด , ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD , ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี , ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation) มีรถกันทุกรุ่น ถือว่าเป็นรุ่นที่ปรับปรุงใหม่ ได้ดี ครบถ้วนตามความต้องการของลูกค้า

ในส่วนของราคาพอดิบ พอดี พอจับต้องได้ฟอร์ด เรนเจอร์ XLS รุ่น 4 ประตู 879,000 บาท และตอนครึ่งสองประตู 794,000 บาท ได้ความคุ้มค่าเพิ่มขึ้นกับราคาที่ไม่ได้เดือดถือว่าเป็นกระบะที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง โดยเฉพาะผู้บริโภคที่ใช้รถกระบะเป็นเครื่องมือในการทำประกอบสัมมาชีพด้วยแล้วถือว่าคุ้ม...โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานรถประเภทนี้ในเมืองหลวง ที่ไม่รู้ชะตากรรมว่าตื่นเช้ามา น้ำรอระบายจะล้นท่อขึ้นมามากน้อยแค่ไหน ดังนั้นรถกระบะก็ยังคงเป็นรถน่าใช้อยู่เช่นเดิม มีปริมาณการเติบโตจะลดลงบ้าง เนื่องจากการเข้มงวดของสถาบันการเงิน ตั้งแต่ไตรมาสสองเข้าไตรมาสสาม สถานการณ์เริ่มดีขึ้น จะก็เพียงการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพเท่านั้น ที่อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคบ้าง อื่น ๆ ก็พอกร่อมแกรมไปได้...