Say Hi! NETA X ลองขับรถ EV อเนกประสงค์สุดคุ้ม

นั่งสบาย ออพชั่นฉ่ำ ๆ ราคาต่ำล้าน

 

ทดลองขับโดย กันต์ เย็นสบาย

 

ในประเทศไทยเราจะรู้จักแบรนด์ NETA กัน ในชื่อเสียงเรียงนาม การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด คุณภาพคุ้มค่า คุ้มราคาและติดตากับ NETA V ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดสำหรับ NETA X โมเดลนี้นั้น เกิดขึ้นจากแนวคิด และสโลแกน “เติมเต็มทุกโมเมนต์ กับนิยามใหม่ของความกว้าง” เหมาะกับทุกครอบครัว คุ้มค่า ดูแลง่าย ชูจุดเด่น ด้านพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระดับ 2.0

 

 

ดีไซน์ภายนอก-ภายในแบบมินิมอล 

ด้วยความเป็น รถยนต์ไฟฟ้า ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก NETA V-II รุ่นปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายในตัวรถให้มีความโฉมเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น พร้อมอัพเดทฟีเจอร์ทันสมัยเข้าไปหลายจุดด้วยกัน ความจริงแล้ว NETA X นั้นพิกัดของเขาเป็น B-SUV หรือพิกัดเดียวกับรถ Compact Crossover SUV เพียงแต่เป็น B-SUV ที่ใหญ่กว่าปกตินิดหน่อยครับ มีขนาดตัวรถ ยาว 4,619 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,628 มม. ความยาวฐานล้อ 2,770 มม. ถ้าลองนึกภาพเทียบขนาดดู ก็จะเล็กกว่า Honda CR-V เล็กน้อย แต่ใหญ่กว่า BYD ATTO 3

  

 

ดีไซน์ภายนอก เรียบง่ายมาในแบบรถไฟฟ้าอเนกประสงค์มินิมอล ในเรื่องของความสูงกำลังดีเลย เป็นรถที่ดูสมส่วนและดูลงตัวในแบบ B-SUV สวย น่ามอง ประตูจับได้สะดวก เพราะไม่ทำราบเรียบ มือสอดเข้าไปจับได้  เหมือนที่รถ EV ส่วนใหญ่นิยม ซีลเก็บเสียงประตูหน้าหลังทำได้ค่อนข้างดี 

ไฟหรี่ ที่ดีไซน์แบบ L-Shape ส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ ตัวรถมีราวหลังคามาให้จากโรงงาน รองรับการติดตั้งอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระเพิ่มเติม ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED เช่นกันครับ ลากยาวตามยุคสมัยนิยม มาพร้อมกับฝาท้ายพร้อมระบบเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า และใบปัดน้ำฝนหลัง  

 

 

พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถจุ 508 ลิตร เบาะพับเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1,388 ลิตร  ถ้าหากดูจากสเปกความยาวของตัวรถ  แน่นอนว่าส่งผลดีต่อพื้นที่โดยสารและพื้นที่เก็บของด้านใน รวมทั้งถ้าเราดูที่ประตูท้ายที่ดีไซน์เป็นแบบตัดให้ลาดเฉียงลง ก็ทำให้พื้นที่เก็บของแบบที่เราจะเอาของเทินกันสูง ๆ นั้นอาจจะทำได้ดีกว่าแบบฝาท้ายแบบตัดตรง และไม่เสียพื้นที่โดยสารเบาะหลัง ส่วนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว  225/60 R18 เท่ากัน หน้า หลัง

 

 

ภายในห้องโดยสารตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ออกแบบมาสไตล์เรียบแต่หรู สะดวกสบายด้วย เบาะนั่งไฟฟ้าปรับได้ถึง 6 ทิศทาง ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้า และระบบต้อนรับคนขับ (Welcome Seat) พร้อมวัสดุบุนุ่มห้องโดยสารถึง 80% ของพื้นที่ เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้  มาพร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า และหลังค่าซันรูฟแบบพาโนรามา

โดดเด่นด้วยหน้าจอหลัก ๆ ที่มี 2 จอ คือ จอกลาง15.6 และจอข้อมูลการขับขี่หลังพวงมาลัย ที่เป็นแนวนอน ทั้งคู่ แต่จอกลางจะมีลูกเล่นเยอะหน่อยมาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูง ใช้ควบคุมการทำงานทุกอย่างของตัวรถ สามารถเข้าถึงระบบนำทางแบบออนไลน์ การสตรีมมิ่งเพลง และการเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับระบบรถยนต์ มีระบบสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ (NETA App) เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะแบบเรียลไทม์ ทั้ง การล็อค/ปลดล็อคประตู การควบคุมเครื่องปรับอากาศ การค้นหาตำแหน่งรถ รวมไปถึงการจองนัดหมายเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ  

 

 

อย่างในคันที่ผมทดลอง ภายนอกสีน้ำเงิน ภายในคือสีน้ำตาล ตัดดำ พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้านท้ายตัดทรง D-Shape มีกริปพวงมาลัยมาให้เพิ่มความกระชับในการควบคุม พวงมาลัย ปรับได้ 4 ระดับ ดันเข้า ออก ยกขึ้น ลง ในแบบแมนนวล คันเกียร์ เปลี่ยนมาใช้เป็นคันเกียร์คอ เหมือนกับ NETA V จากเดิมที่ใช้เป็นแป้นหมุนตรงกลาง มีการใช้สีทอง บริเวณมือจับประตู ช่องแอร์

ช่องเชื่อมต่อ USB / Type-C รองรับการชาร์จสูงสุด 60W และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และช่องเก็บของอเนกประสงค์ 24 จุด กระจายอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร ทีวางแก้ว มีมาให้ แต่ใส่ใจ ที่วางมือถือทีมีวางได้หลายจุด รวมทั้งตอบโจทย์นักเดินทางสมัยใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก ด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 วัตต์ รวมทั้งยังมี Scenario Mode ทีช่วยปรับเบาะให้เป็นท่านอนพักผ่อนพร้อมฟังเพลงเบา ๆ เพลิน ๆ

 

 

ขับมั่นใจ ด้วยระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS Level 2.0 

NETA X มอบความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ด้วยระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS Level 2.0 ที่มีฟังก์ชันการทำงานเต็มรูปแบบ ทั้ง ระบบกล้องรอบคัน 360 องศา ติดตั้งเซ็นเซอร์ รอบคันและเรดาห์รวม 11 จุด และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)  ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะย่านความเร็วสูง(ICA)และความเร็วต่ำ(TJA)  รวมไปถึงการควบคุมรถให้อยู่ในเลน อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน(ELKS) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน(LDW) และระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมระบบตรวจจุดอับสายตา(BSD)       

 

 

NETA X มีให้ทางเลือก 2 รุ่นย่อย

- รุ่น Comfort ราคา 739,000 บาท ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร แบตเตอร์ลิเธียม ฟอสเฟส ไอออน ความจุ 51.8 kWh กิโลวัตต์ ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 6.6 kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 65 kW ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ทำได้ 401 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

- รุ่น Smart ราคา 799,000 บาท  NETA X รุ่น Smart ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร แบตเตอร์ลิเธียม ฟอสเฟส ไอออน ความจุ 62.0 kWh รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 6.6 kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 100 kW อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.5 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ 150 กม./ชม. ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ทำได้ 480 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

ส่วนระบบช่วงล่างของ NETA X ทั้ง 2 รุ่นย่อย จะเหมือนกันครับ ใช้ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็กเฟอร์สัน สตรัท หลังในแบบ มัลติลิ้งก์ ระบบเบรคหน้า/หลัง ในแบบดิสก์เบรก ถูกเซ็ทมาเน้นเรื่องความนุ่มนวลเป็นหลัก

 

 

ความแตกต่าง ใน  2 ทางเลือกรุ่นย่อย

1.ราคาของ ของ 2 รุ่นย่อย คือ ต่างกันอยู่ 60,000 บาท

NETA X Comfort ราคา 739,000 บาท

NETA X Smart ราคา 799,000 บาท

2. สีภายนอก ที่มี 3สี ขาว ดำ น้ำเงิน

ในรุ่น SMART มี2 สี ให้เลือก คือ ดำ และ น้ำเงิน ส่วนสี ภายในมีแบบเดียวคือสีน้ำตาล  (Elegant Brown)

ส่วนรุ่น COMFORT สีภายนอก มีเฉพาะสีขาว  และภายใน มีแบบเดียว คือสีดำ

3. ในรุ่น SMART ระบบไฟจะมีระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ HBA (High Beam Assist) เพิ่มเติมเข้ามา รวมถึงมีฝาประตูท้ายที่สามารถเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

4. เบาะ ผู้ขับ ปรับไฟฟ้าเหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อย แต่ถ้าเป็นรุ่น Smart จะมีระบบบันทึกตำแหน่งเบาะ ผู้ขับขี่ พร้อมฟังค์ชั่นต้อนรับ (Welcome Seat) ที่ตัวเบาะจะเลื่อนถอยให้อัตโนมัติ เมื่อขึ้นรถ

5. ขนาดของ แบตเตอร์ลิเธียม ฟอสเฟส ไอออน ใน NETA X รุ่น Smart จะความจุเยอะขึ้นเป็น 62.0 kWh กิโลวัตต์ ชั่วโมง และสามารถรองรับ การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 100 kW ส่วน NETA X รุ่น Comfort แบตเตอร์ ความจุ 51.8 kWh กิโลวัตต์ ชั่วโมง และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 65 kW

6. น้ำหนักตัวรถ รุ่น Comfort 1,745 กก. รุ่น Smart 1,815 กก.

7. ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS Level 2.0 มีเฉพาะใน รุ่น Smart

 

 

คุยหลังขับ กับ กันต์ เย็นสบาย

ผมลองขับ Neta X ในรุ่น Smart  จากโชว์รูมและศูนย์บริการ NETA ที่ย่านถนนบางนาตราด กม.13 ขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี ไปขับชม วิวถนน เลียบนที ที่บางทราย ก่อนไปทานมื้อเทียงริมทะเล ที่อ่างศิลา ชลบุรี  แล้วขับกลับทางเดิมสู่ เพื่อลองสมรรถนะและการใช้งานจริงว่ามีฟิลลิ่งเป็นอย่างไร

เรื่องแรกสำหรับผม ภายนอก ภายในรถรุ่นนี้ โดยรวม สวย ลงตัวดีครับ ส่วนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว  ขนาด 225/60 R18 ที่เท่ากัน หน้า หลัง แม้เป็นยางติดรถเป็นแบรนด์สัญชาติจีน แต่ข้อดี สามารถสลับยางได้ เพราะเป็นรถขับหน้า ถ้าวิ่งครบ 10,000 กิโลเมตร

 

 

ส่วนเรื่องการขับขี่ ทัศนะวิสัยและมุมมองในการขับขี่ ดีครับ รถแม้จะคันค่อนข้างใหญ่ และพวงมาลัยไฟฟ้า มีช่วงฟรีเยอะ แต่ก็คุมรถได้คล่องตัว ส่วนเรื่อง อัตราเร่ง ด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แน่นอนว่าความเร็ว ความแรง มาทันใจ ตามการเหยียบคันเร่ง อยู่แล้ว ซึ่ง NETA X ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 150 กม./ชม. ที่เป็นความเร็วในระดับรถยนต์นั่งทั่วไปทำได้ในระดับสายพ่อบ้าน ไม่โหด โลดโพน โจนทะยานเกินการควบคุม

ออกแบบมา เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในแบบรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ ที่ตอบโจทย์การใช้งานง่าย ขับสบาย ขับไม่เหนื่อย ช่วงล่างก็ถูกเซ็ทมาเน้นเรื่องความนุ่มนวลเป็นหลักครับ ช่วงล่าง ไม่สะเทือนมาก ขับทางไกลไม่เหนื่อยซึ่งถ้าอยากได้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ดีขึ้นใน ก็ไม่ยากครับ จัดเปลี่ยนโช๊คใหม่ หนึบ ๆ สักชุด เลือกเอาที่ทำมาซัพพอร์ตเขาแบบตรงรุ่นดูเพื่อลดความนุ่มเกินได้

 

 

ถ้าเทียบสเปกเรื่องแบตเตอรี่และการชาร์จไฟของตัวท็อป ในรุ่น Smart  ก็รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้าด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC ได้สูงสุดถึง 100 kW เรียกว่า ใช้เดินทางไปต่างจังหวัด ก็เสียเวลาชาร์จไม่นาน 30-40 นาที ก็ไปต่อได้ยาว ๆ เป็นรถประหยัด ที่ชาร์จไฟแบบเร็วได้จริง

ระยะทางการวิ่งไกลสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (n e d c ) อยู่ที่ 480 กม. หรือถ้าเทียบให้เห็นภาพในมาตรฐาน wltp ก็จะอยู่ที่ประมาณ 410 กม ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลการกินไฟที่ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท้าและลักษณะการขับขี่ของแต่ละคน  วิ่งใช้งาน ในเมือง นอกเมืองสบายครับ แต่วิ่งออกทริป ต่างจังหวัดก็คงต้องวางแผนการเดินทางสักหน่อย เพื่อความชัวร์

ถ้ามองเทียบ กับรถไฟฟ้ารุ่นอื่นที่ใกล้เคียงกัน ในตอนนี้ ก็มีทั้ง BYD ATTO 3 Dynamic และ MG ZS EV X  ที่แต่ละคันก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันออกไป

แต่ถ้ามองเรื่องของ รถแบบที่เหมาะกับการใช้งาน กับครอบครัว พร้อมขนาดตัวรถที่ใหญ่สุดในคลาส พื้นที่เก็บสัมภาระที่มากกว่า กับฟังค์ชั่นและระบบช่วยเหลือผู้ขับ ที่ให้มาและที่สำคัญคือมีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในคลาส รถรุ่นนี้ก็จะดูมีภาษีดีกว่าแต่ก็ต้องแลกกับพละกำลังของตัวรถที่แรงน้อยที่สุดในกลุ่ม ด้วยนะครับ