NISSAN Waycation ขับสนุกตามแสงตะวัน
“คิกส์-อัลเมร่า” รถขนาดเล็กแต่ให้ความสุขขนาดใหญ่
ทดลองขับโดย : วชิระ เรืองมาลัย
นิสสันจัดทริปปลายฝนต้นหนาว “Waycation: ขับสนุกตามแสงตะวัน” พิสูจน์ความสนุก ขับมันส์กับ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ และนิสสัน อัลเมร่า สัมผัสลมหนาว ตื่นตากับวิวสวย และท้าทายกับหลากหลายเส้นทาง จากตะวันออก นครพนมสู่ ตะวันตกแม่สอด-ตาก
ทริปพิเศษ “Waycation ขับสนุกตามแสงตะวัน” นี้ นิสสัน เชิญสื่อ ร่วมทริปเดินทางในเส้นทางเดียวกันกับที่พระอาทิตย์โคจรจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ด้วยรถยนต์สองรุ่นยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ที่ให้ฟิลการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ และนิสสัน อัลเมร่า ที่แรงด้วยสมรรถนะ มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน บนเส้นทางที่สวยงาม มีจุดเช็คอินสุดเก๋ตลอดระยะทางกว่า 950 กิโลเมตรจากชายแดนไทยในจังหวัดนครพนมสู่ชายแดนฝั่งตะวันตก ณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทีม Acarnews เราได้ร่วมเปิดซิงกับเส้นทางแรก บินสู่นครพนมและขับสู่ขอนแก่น ด้วยระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร แล้วบินกลับจากขอนแก่น ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้กลุ่มที่ 2 จากขอนแก่นสู่พิษณุโลก
ในทริปนี้ มีรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น เป็นตัวหลักในการเดินทาง ให้ผู้ร่วมทริปได้พิสูจน์ทั้งความสะดวกสบาย และสมรรถนะที่ขับสนุกน่าประทับใจ โดย นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ เป็นรถคอมแพคเอสยูวีที่มีความคล่องแคล่ว ให้ประสบการณ์ในการขับขี่แบบรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟฟ้า ทั้งนี้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนิสสัน ให้อัตราเร่งทันใจจากแรงบิดสูงสุดถึง 280 นิวตันเมตร (Nm)
ขณะที่ นิสสัน อัลเมร่า เป็นคอมแพคซีดานที่มีจุดเด่นเรื่องความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ สามารถขับขี่ในระยะทางไกลบนไฮเวย์ได้อย่างราบรื่นด้วยอัตราเร่งที่สั่งได้ ช่วยให้เร่งแซงได้ตามต้องการ นอกจากนี้ รถยนต์ทั้งสองรุ่นยังโดดเด่นด้วยช่วงล่างที่นุ่มนวล เกาะถนน ให้การทรงตัวดีขณะเข้าโค้ง ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจเต็มที่
“Waycation ขับสนุกตามแสงตะวัน” เริ่มต้นพาผู้ร่วมทริปเดินทางตามตะวันจากอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เมืองสงบน่าเที่ยวริมแม่น้ำโขง ทางฝั่งตะวันออกสุดของประเทศไทย มุ่งสู่จังหวัดสกลนคร ช่วงแรกจะเป็นการขับสบาย ๆ ให้ได้ทำความคุ้นเคยกับฟีเจอร์และการใช้งานต่าง ๆ ของรถ โดยถนนในช่วงนี้ยังเป็นทางเรียบ สองข้างทางเป็นทุ่งนาและป่าเขียวก่อนจะเริ่มไต่ขึ้นเขาให้ได้ลองสมรรถนะและพละกำลังของเครื่องยนต์ รวมถึงการขับขี่และควบคุม สามารถเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและมั่นใจ ก่อนแวะพักที่โค้งปิ้งงู จุดเช็คอินสุดฮิต ใกล้อุทยานแห่งชาติภูพาน เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นจุดเด่นของถนนเส้นนี้ที่มีลักษณะที่คดโค้ง เส้นทางในช่วงนี้ให้วิวของป่าสนและภูเขาที่สวยงาม เดินทางผ่านจังหวัดกาฬสินธุ์เข้าสู่จังหวัดขอนแก่น รวมระยะทางประมาณกว่า 320 กิโลเมตร
กลุ่มที่ 2 เส้นทางจะเพิ่มความท้าทาย และขับสนุกมากยิ่งขึ้น เพราะการเดินทางจากขอนแก่นสู่พิษณุโลกระยะทางกว่า 330 กิโลเมตร มีทางขึ้นลงเขาต่อเนื่อง ผ่านอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว โดยใช้ถนนหมายเลข 12 ตัดเข้าสู่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่นักเดินทางรู้กันดีว่ามีทิวทัศน์ที่สวยงาม ประทับใจกับการขับขี่ไปบนสะพานพ่อขุนผาเมือง หรือสะพานห้วยตอง ซึ่งเป็นประตูสู่ภาคเหนือและอีสานที่ได้ชื่อว่ามีตอม่อสูงที่สุดในประเทศ เป็นอีกหนึ่งในไฮไลต์ ล้อมรอบด้วยป่าเขียวทึบ และผ่านแคมป์สน ที่ทิวทัศน์สวยงามเหมือนอยู่ต่างประเทศ อากาศเย็นสบายตลอดปี การเดินทางในช่วงนี้ สิ้นสุดที่จังหวัดพิษณุโลก
การขับขี่ช่วงนี้เป็นถนนขึ้นลงเขา คดเคี้ยวบ้าง แต่ยังถือว่าขับชิล ๆ ได้สบาย มั่นใจกับเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ Active และ Passive Safety หรือ Nissan 360˚ Safety Shield รอบคัน อาทิ เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (BSW) เทคโนโลยีเตือนหากออกนอกช่องทางขับขี่ (LDW) เทคโนโลยีช่วยคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (ITC) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) และเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (MOD) ขณะที่ในนิสสัน อัลเมร่า ยังเพิ่มความอุ่นใจด้วยฟังก์ชั่น SOS ที่ผู้ขับขี่สามารถขอความช่วยเหลือจากศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ทันทีผ่านระบบเครื่องเสียงภายในรถยนต์ เมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ
ส่วนกลุ่มที่ 3 ของทริป เริ่มต้นบนเส้นทางหมายเลข 12 เช่นเดิม เพื่อออกเดินทางสู่จังหวัดสุโขทัย อาณาจักรแห่งรุ่งอรุณราชธานีแห่งแรกที่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ไทย ผ่านอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่มีซุ้มต้นสัก ต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม ช่วงนี้ถือว่าขับสบาย ๆ เช่นกัน แวะพักกันเป็นระยะ ให้ได้ยืดเส้นยืดสาย เตรียมตัวเข้าสู่จุดหมายปลายทางที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทางทิศตะวันตกสุดของประเทศ ผ่านอุทยานแห่งชาติขุนพะวอ ด้วยระยะทางกว่า 290 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางจะเต็มไปด้วยทางโค้งที่สนุกกับการขึ้นเขาลงเขาและโค้งซ้ายขวาท้าทายสมรรถนะกับทักษะการขับขี่อย่างแท้จริง และยังได้สูดอากาศสดชื่นในอุณหภูมิที่กำลังสบาย ผ่อนคลายกับวิวป่าเขาเขียวขจีหลังพึ่งผ่านฤดูฝนมาไม่นาน
นอกจากนี้ ผู้ร่วมทริปได้มีโอกาสทดลอง ฟีเจอร์และอุปกรณ์ความสะดวกสบายในรถทั้งสองรุ่น อาทิ เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror ในนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยที่ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้มีผู้โดยสารตอนหลัง หรือสัมภาระขนาดใหญ่ หรือ นิสสัน อัลเมร่า ที่มาพร้อม NissanConnect Service และฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดอย่าง กุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมระบบล็อกและปลดล็อกอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้หรืออกห่างจากตัวรถ เมื่อจอดแล้วก็สามารถเดินไปถ่ายภาพ เข้าร้านกาแฟได้เลย เพราะระบบจะช่วยล็อครถให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อผู้ขับขี่เดินกลับมาที่รถ กุญแจอัจฉริยะจะส่งสัญญาณปลดล็อคให้เอง สะดวกสบายเมื่อต้องถือของเต็มมือ โดยไม่ต้องกดปุ่มที่ประตู และถ้าจำไม่ได้ว่าจอดที่ไหน สามารถกดระบบสั่งกะพริบไฟหน้าและระบบแตรระยะไกลจากในแอป บนสมาร์ทโฟนได้ทันที รวมถึงสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดเครื่องปรับอากาศได้ล่วงหน้า และช่วยให้ควบคุมรถได้ด้วยระบบสั่งการระยะไกลต่าง ๆ ได้
ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะใกล้ไกล คดเคี้ยว แค่ไหน ทั้งนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ และ นิสสัน อัลเมร่า ยังคงให้ความสะดวกสบาย ด้วยพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย พร้อมพื้นที่บรรจุสัมภาระขนาดใหญ่ตอบรับทุกรูปแบบของการใช้งาน เสริมความสะดวกของการติดต่อสื่อสารได้โดยไม่มีการหยุดชะงักด้วย Wireless Charger* และ NissanConnect ระบบอินโฟเทนเมนต์อัจฉริยะ ที่พร้อมสร้างความบันเทิง ด้วยการรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทั้ง Android Auto* และ Apple CarPlay
ตลอดทริปนี้กับเส้นทางทั้ง 3 กลุ่ม ได้พิสูจน์ให้เห็นสมรรถนะและการใช้งาน ของรถทั้งสองรุ่นจากนิสสัน ทั้งคิกส์ และ อัลเมร่า แล้วว่าถึงแม้จะเป็นรถขนาดเล็ก นิยมใช้งานในเมืองแบบซิตี้คาร์ แต่ทั้งสองรุ่นให้ความสุขและสนุกได้แบบ “ไม่เล็กเลยนะครับ” ขับสนุก นั่งสบาย ระบบความปลอดภัยและความบันเทิงจัดอยู่ในขั้นดี ทุกสิ่งอย่างของตัวรถทันสมัย ให้ความสุขได้ไม่แพ้รถขนาดใหญ่ ถึงแม้จะใช้เพื่อเดินทางไกลในระดับซูเปอร์ไฮเวย์ ก็ตอบสนองได้ดีไม่แพ้รถขนาดใหญ่เลยทีเดียวครับ
ปลายปีนี้ ถ้ายังไม่มีไอเดียจะไปไหน ขอแนะนำเส้นทางพิเศษนี้ ที่ทุกคนจะสามารถขับรถไปเองได้ไม่ยาก ขับเพลิน ๆ ชมวิวสวยงามของเมืองไทยหลังหมดฤดูฝน สัมผัสกับความเป็นอยู่ และลิ้มรสอาหารที่แตกต่างกันแต่อร่อยไม่แพ้กันจากภาคอีสานสู่ภาคตะวันตกได้ตลอดเส้นทาง