SUZUKI XL7 รถอเนกประสงค์ MPV
เสริมหล่อ สปอร์ต ดูดี มีคาแรคเตอร์ชัดเจน
ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น SUV, MPV หรืออะไรก็ตามที่เป็นรถหลากอรรถประโยชน์ มีอัตราการเติบโตได้ดี และมีความชัดเจนว่าจะมาทดแทนรถเก๋ง ซีดาน ด้วยทัศนวิศัยที่ดีขึ้น ความหลากหลายในการใช้งาน รถประเภทนี้จึงถูกใจผู้บริโภคมากขึ้นเป็นทวีคูณ
สำหรับค่าย SUZUKI นั้น มีรถอเนกประสงค์หลากหลายซีรีส์ ตั้งแต่ขนาดเล็ก อย่างเซเลริโอ้ , เออร์ติก้า และเอ็กซ์แอล 7 เรียกว่าลูกค้าที่ชื่นชอบจะไม่ค่อยหลุดมือจากค่ายนี้ และซูซูกิก็มีการปรับโฉมดปรดักส์ในสังกัดสม่ำเสมอ สำหรับ SUZUKI XL7 ปรับลุคใหม่ ให้สปอร์ต และมีคาแรคเตอร์ชัดเจนขึ้น ด้วยการเพิ่มสีสไตล์ทูโทน เพื่อตอกย้ำความนิยมในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ MPV ชูสมรรถนะที่โดดเด่นภายใต้แนวคิด THINK XL ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ในแบบฉบับของ Multi-Dynamic Crossover
ทางซูซูกิ เล็งเห็นถึงความสำคัญในฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นของ SUZUKI XL7 จึงได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เติมเต็มการใช้งานด้วยเทคโนโลยีเสริมการใช้งานที่ครบครัน ชูสมรรถนะการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ในแบบฉบับของ Multi-Dynamic Crossover ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มที่ 789,000 บาท ตั้งเป้าขยับส่วนแบ่งในตลาด MPV ด้วยยอดขาย 5,400 คัน ด้วยความอเนกประสงค์และสมรรถนะการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ส่งผลให้ SUZUKI XL7 มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ MPV การันตีคุณภาพและความนิยมด้วยยอดขายสะสมกว่า 6,000 คันในประเทศไทย
นับตั้งแต่เข้ามาเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในช่วงกลางปี 2563 ภายใต้รูปโฉมของ Multi-Dynamic Crossover เติมเต็มการใช้งานด้วยเทคโนโลยีเสริมการใช้งานที่ครบครัน ชูสมรรถนะที่โดดเด่นภายใต้แนวคิด THINK XL ตอบสนองทุกฟังก์ชันการใช้งาน
SUZUKI XL7 ไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ มาพร้อมความโดดเด่นด้วยสีทูโทน หลังคาสีดำตัดกับสีตัวรถ เติมเต็มความสปอร์ตด้วยกระจกมองข้างสีดำให้ความรู้สึกเข้มและดุดันด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตสีดำผสมโครเมียม สอดรับกับไฟหน้า LED สามารถปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ มาพร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้า ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน มาพร้อมไฟท้าย LED และไฟเบรกแนวตั้ง เติมความเข้มด้วยซุ้มล้อสีดำ พร้อมล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว รวมถึงราวหลังคา เพื่ออรรถประโยชน์ในการบรรทุกสัมภาระมากยิ่งขึ้น
คอนโซลด้านหน้าตกแต่งวัสดุด้วยลาย CarbonFiber เสริมด้วยคิ้วโครเมียม และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน อาทิ มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผล แจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ ทั้งยังเชื่อมต่อกับความบันเทิงด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว มาพร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิทัล พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อ Bluetooth การเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน Apple CarPlay, Android Auto รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI ที่บริเวณคอนโซลหน้า อีกทั้งช่องจ่ายไฟสำรอง 12V มากถึง 3 ตำแหน่ง
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่ได้รับการปรับแต่งประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และอัตราทดเกียร์ให้เหมาะกับการขับขี่อย่างลงตัว ผสานกับแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูซูกิ ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว สนุกสนาน ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
สำหรับ SUZUKI XL7 มีราคาและสีรถให้เลือกดังนี้
- สีทูโทน-ตัวรถสีส้มตัดกับหลังคาสีดำ ราคา 789,000 บาท
- สีทูโทน-ตัวรถสีขาวตัดกับหลังคาสีดำ ราคา 794,000 บาท
- สีส้ม สีเทาเข้ม สีดำ ราคา 779,000 บาท
- สีขาว ราคา 784,000 บาท
ในส่วนของทริปทดสอบในครั้งนี้ ทางซูซูกิ เลือกเส้นทางเชียงราย ให้เราได้ทดลองสมรรถนะของรถในการปีนป่าย ไต่เขา ขึ้นไปบนดอยช้าง เพื่อไปดื่มดำกับธรรมชาติบนเขาสูง ได้ลองใช้ฟังก์ชั่น ต่างของระบบช่วงล่างที่มีการออกแบบและตกแต่ง เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ด้วยความสูงใต้ท้องรถที่มากถึง 200 มม. สร้างความนุ่มนวลและมั่นใจในทุกสภาวะถนนด้วยเหล็กกันโคลงด้านหน้าขนาดใหญ่ ลดอาการโคลงของตัวรถและเพิ่มการยึดเกาะถนน มาพร้อมระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า, ระบบเบรก ABS, ระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก รวมทั้งระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top tether กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์ เสริมความปลอดภัยด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
นอกจากนี้ให้สื่อมวลชนได้ทดลองความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ด้วยที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร เสริมความสปอร์ตด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและการสั่งการสมาร์ตโฟน ทันสมัยด้วยระบบ Keyless Push Start และระบบ Keyless Entry ประตูเปิด-ปิดได้ โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมต รวมถึงกระจกมองข้างที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ให้ผู้ขับขี่สัมผัสความสะดวกสบายในการใช้งาน แม้การเดินทางในครั้งนี้รถคันเรา บรรทุกมนุษย์ 3 มนุษย์ บางคันก็ 4 ท่าน แต่ก็ยังคงมีพื้นที่ให้ทุกคนได้นั่งสบาย ๆ แบบผ่อนคลายอริยาบทได้ ไม่ได้เบียดเสียด สามารถขับขึ้นดอยช้างได้อย่างสบาย ๆ แม้จะเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรก็ตาม โดยรวมแล้ว Suzuki XL7 ไม่ได้แพ้คู่แข่งในคลาสนี้ หนักแม้หลายคนมองว่าเกียร์จะด้อยกว่าเพื่อน ต่อเมื่อได้ใช้งานจริงแล้ว เกียร์ 4 สปีดไม่ใช่อุปสรรคในการใช้งานแน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกซื้อรถของแต่ละคน คงใช้ความพึ่งพอใจของผู้ขับเป็นหลักในการตัดสินใจ มากกว่าที่จะฟังเสียงโฆษณาจากที่โน้นที่นี่ เราผู้ใช้เลือกตามความชอบของตัวเองดีที่สุด