ลองขับ ZEEKR X ในสนามทดสอบจำลอง

กับ 6 เหตุผล ที่ทำให้ EV ซับคอมแพคคันนี้ น่าสนใจ!!

 

ทดลองขับโดย  : กันต์ เย็นสบาย

 

สิ่งที่ทำให้ ZEEKR X น่าสนใจ และเรียกได้ว่าเป็นรถไฟฟ้ารุ่นที่ร้อนแรงที่สุดตอนนี้ คือการเป็นรถไฟฟ้าในกลุ่มตลาด "พรีเมียม" ที่ราคาจับต้องได้ ด้วยความ เป็นแบรนด์ที่อยู่ในเครือ Geely ที่แชร์เทคโนโลยี Platform สมรรถนะ การขับขี่ และระบบความปลอดภัย ร่วมกับ VOLVO รถที่คนทั่วโลกยอมรับ และได้ถูกนำมาใช้กับ ZEEKR ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ถึง ZEEKR ถึงจะเป็นแบรนด์ใหม่ แต่ก็ให้ความเชื่อมั่นได้ในเรื่องความปลอดภัยและไม่ใช่แบรนด์ที่มาเล่น ๆ แต่ตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มว่าจะเน้นกลุ่มตลาดรถไฟฟ้าพรีเมียมที่ไม่ใช่เพียงแต่การออกแบบ แต่ยังคำนึงถึงเรื่องประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าอีกด้วย และนี่คือ 6 เหตุผล ที่ทำให้ ZEEKR X รุ่นนี้ มีความน่าสนใจในกลุ่มรถ EV ซับคอมแพคครับ…

 

 

1. แบรนด์ใหม่ มีที่มา น่าสนใจ

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ZEEKR X กับ 2 รุ่นย่อย รุ่นแรกคือ Standard ขับหลัง และรุ่น flagship แบบ AWD ขับ 4 

โดยที่มาของ ZEEKR นั้นเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ในเครือ Geely Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจรถยนต์รายใหญ่ และมีหลายแบรนด์ในเครือ รวมถึง Lotus และ Volvo ซึ่งไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นว่ารถของ ZEEKR กับ Volvo นั้นหลายรุ่น ใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน รวมถึงรุ่นที่เปิดตัวในไทยรุ่นแรก อย่าง ZEEKR X กับ Volvo EX30

ทั้งนี้ภายใต้การบริหารงานของจีลี ZEEKR ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถในตลาดพรีเมียม ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้คือ ปี 2564 มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) และมี ZEEKR Global Design ตั้งอยู่ที่เมืองโกเธนเบิร์ก สวีเดน และเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งมีทีมงานจากหลายกว่า 30 ประเทศ รวมกว่า 500 คน ในทีมพัฒนาแม้จะอยู่ในตลาดไม่นาน แต่ ZEEKR ก็ได้รับการตอบรับที่ดีในหลาย ๆ ตลาด โดยเฉพาะฝั่งยุโรป โดย ZEEKR X จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าพิกัด B-SUV ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ Volvo EX30 รถรุ่นนี้จึงได้รับความสนใจตั้งแต่ก่อนเปิดตัว

 

 

2. ดีไซน์ครีเอทีฟ เส้นสายแบบสแกนดิเนเวียน

จุดเด่นสำคัญของ ZEEKR X คือเรื่องดีไซน์ โดยเน้นย้ำปรัชญาการออกแบบ 3 เรื่องด้วยกันคือ Generous Sprint ฟีลเหมือนอยู่บ้าน Human Touch เหมือนกับสัมผัสของมนุษย์ และ Hidden Energy เพื่อสะท้อนจิตวิญญาณภายใน ตัวรถ ZEEKR X จึงมีเส้นสายเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สะท้อนออกมาตั้งแต่ขั้นตอนการร่างแบบ เขาเอาภาพสเก็ตมาโชว์ ก่อนที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย ซึ่งช่วยสร้างรถที่มีสไตล์และความรู้สึกพรี่เมียมในคันเดียวกัน สำหรับ ZEERK X สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

ดีไซน์ภายนอกของตัวรถมาในรูปแบบรถยนต์อเนกประสงค์ ออกแบบมาในรูปแบบรถ B-SUV ท้ายตัดที่มีการยกสูงขึ้นมา และออกแบบด้านท้ายตัวรถแบบตัด เน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอย มิติตัวรถ ยาว 4,432 มิลลิเมตร กว้าง 1,836 มิลลิเมตร สูง 1,566 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร

 

 

การออกแบบเน้นความโค้งมน มาพร้อมเส้นสายลื่นไหลตามหลักแอโรไดนามิก กระจกข้างแบบไร้ขอบ ประตูแบบราบไปกับตัวรถ กระจกมองข้างแบบไร้กรอบ มือจับประตูแบบราบไปกับตัวรถ Hidden Capacitive Sensing Door Handles ที่ซ่อนไว้ในตัวถัง ประตูหน้าหลังแบบ Frameless  ไฟหน้าแบบ LED เต็มระบบ และด้านท้ายของตัวรถ ใช้ไฟท้าย LED แบบลากยาว ตามพิมพ์สมัยนิยม มาพร้อมกับฝาท้ายไฟฟ้า ส่วนช่องชาร์จแบตเตอรี่ อยู่ที่ฝั่งหลังซ้ายของตัวรถ มาตรฐาน CCS2 รองรับการชาร์จ AC 3 เฟส 22 kW และ DC 150 kW และใต้ฝากระโปรงหน้ารถ มีช่องเก็บของมาให้ สามารถเก็บสายชาร์จพกพาได้ 1 ชุด

ZEEKR X มาพร้อม 5 โทนสี ได้แก่ สีขาว Crystal White ,สีครีม Palace Beige ,สีเขียว Pine Green , สีเทาเข้ม Grid Grey และสีเทาพิเศษ Mist Grey

 

 

3. ภายในหรูมีลูกเล่นในการออกแบบ

ภายในห้องโดยสารของ ZEEKR X ดีไซน์เรียบง่าย เน้นการใช้งานและชูจุดเด่นเรื่องความพรีเมี่ยมและฟีเจอร์ความล้ำสมัย ด้วยหน้าจอผู้ขับขี่ขนาด 8.8 นิ้ว บอกข้อมูลการขับขี่ และหน้าจอกลางขนาด 14.6 นิ้วที่เป็นศูนย์รวมทุกอย่างของตัวรถตั้งแต่การปรับแต่งตัวรถ ไปจนถึงความบันเทิงต่าง ๆ

  

 

เบาะแบบหนังสังเคราะห์ คนขับปรับ 6 ทิศทาง พร้อมบันทึกความจำ มีลูกเล่นในการออกแบบ ทั้งเบาะหลังพับได้ 60:40 พนักพิงศีรษะแถวสองแบบปรับได้ พนักท้าวแขนเบาะหลัง พร้อมที่วางแก้ว 2 จุด ตกแต่งด้วยสี Rose Gold ทั่วทั้งคัน สวิชต์หน้าต่าง ปุ่มเปิดประตู หรือแม้แต่ Hook สำหรับแขวนแจ็คเก็ต ดีไซน์โปร่งโล่ง ของหลังคากระจกหลังพาโนรามิก ขนาด 1.21 ตารางเมตร

 

 

ส่วนออฟชั่นภายในที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ ไฟห้องโดยสารที่ประกอบด้วยไฟทรงเหลี่ยมเรียงกัน 17 จุด,  ระบบ Lightning Switch Intelligent AWD System ปรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อภายในเสี้ยววินาที, ระบบเสียงจาก Yamaha ลำโพง 13 ตำแหน่ง(เฉพาะรุ่น Flagship), กล้อง 360 องศา  

4. สเปคไทยกับขุมพลัง 2 ทางเลือก ขับหลัง หรือ ขับสี่

ZEEKR X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยได้แก่ รุ่น Standard ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ที่มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยว ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังการขับขี่ 272 แรงม้า แรงบิด 343 Nm แบตเตอรี่ Lithium-ion NMC ขนาด 67 kWh และระยะทางในการขับขี่ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ไกลถึง 540 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.6 s ความเร็วสูงสุด 180 km/h ล้อขนาด 18 นิ้ว ในราคา 1,199,000 บาท

ส่วนในรุ่น Flagship ซึ่งเป็นรุ่นที่โดดเด่นด้าน Performance จะเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบปรับเปลี่ยน 4 ล้ออัตโนมัติ AWD  ให้กำลังสูงถึง 428 แรงม้า แบตเตอรี่ Lithium-ion NMC ขนาด 67 kWh อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 3.8 s ความเร็วสูงสุด 180 km/h และระยะทางการขับขี่ที่ 470 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ในราคา 1,349,000 บาท

 

 

5. มีระบบความปลอดภัยที่เหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อย

ข้อดีอีกเรื่อง คือทาง ZEEKR X เขาใส่ระบบความปลอดภัยมาให้ครบเคราองครับ ตั้งแต่ในรุ่น Standard ซึ่งทั้งสองรุ่นมีระบบความปลอดภัยที่เหมือนกัน ทั้ง ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ โดยสำหรับความปลอดภัยของ ZEEKR X เริ่มที่โครงสร้าง SEA ที่ช่วยด้านการขับขี่ สมรรถนะ และลดเสียงรบกวน รวมถึงออกแบบคานกันชนด้านข้างให้แข็งแรง รองรับน้ำหนักถึง 65 ตัน และมีถุงลมนิรภัยถึง 7 ตำแหน่ง ป้องกันผู้โดยสารได้ 360 องศา

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ZEEKR Advanced Driving Assistance System – ZEEKR AD) ประกอบด้วยด้วยกล้องความละเอียดสูง 5 ตัว เรดาร์ความยาวคลื่น 5 มิลลิเมตร และ เรดาร์อัลตราโซนิค 12 ตัว ทำให้ตัวรถรองรับระบบ ADAS พื้นฐานได้ครบครัน เช่น Adaptive Cruise control, ระบบช่วยให้อยู่ในเลน, Blind Spot Assist ฯลฯ

ซึ่งนอกจากระบบ ADAS ทั่วไปแล้ว ยังมีระบบที่น่าสนใจ ดังนี้ ครับ

- ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ ALC (Automatic Lane Change)

- ระบบป้องกันการชนด้านหน้า-หลัง CMSF/CMSR (Collision Mitigation Support Front/Rear)

- ระบบป้องกันการเปิดประตูชนคนเดินเท้า DOW (Door Open Warning)

- ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินขณะจอด PEB (Parking Emergency Braking)

- ระบบช่วยบังคับพวงมาลัยขณะเลี้ยวโค้ง EMA (Evasive Maneuver Assist)

- ระบบช่วยจอดรถ APA (Automated Parking Assist)

รวมทั้ง ระบบช่วยถอยจอดอัตโนมัติ Park Pilot Assist ที่ช่วยทำให้การนำรถเข้าจอดทั้งแบบจอดเข้าซองและจอดแนวขนาน ทำได้ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ครับ

 

 

6. สอบผ่านกับการขับขี่แบบในสนาม Impact Speed Park

หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ไปแล้วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ZEEKER X กับ 2 รุ่นย่อย รุ่นแรกคือ Standard ขับหลัง และรุ่น flagship แบบ AWD ขับ 4 ในวันนี้ คือครั้งแรกครับกับการขับขี่แบบในสนามกับการทดสอบแบ่งเป็น 4 รูปแบบหลักคือ การเปลี่ยนเลน การควบคุม และทรงตัวรถ การเข้าโค้งหักศอก การควบคุมรถบนถนนลื่น….

ก่อนทดสอบเมื่อเช้าหลังจากลงทะเบียนสื่อมวลชน ผู้บริหารกล่าวต้อนรับ ฟังบรรยายทฤษฎีและแนะนำการขับขี่สถานีทดสอบต่าง ๆ ทั้ง การเปลี่ยนเลน การควบคุม และทรงตัวรถ การเข้าโค้งหักศอก การควบคุมรถบนถนนลื่น และการขับทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของ ZEEKR X ในสนามทดสอบสนามโกคาร์ทไฟฟ้า Impact Speed Park ที่แรกในประเทศไทย ริมทะเลสาบเมืองทอง

 

 

ได้ลองขับทั้ง 2 รุ่นย่อย คือ ทั้งในรุ่น Standard ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ที่มาพร้อมมอเตอร์เดี่ยว และใน รุ่น Flagship มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่เป็นการขับขี่แบบในสนาม โดยการทดสอบแบ่งเป็น 4 รูปแบบหลักคือ การเปลี่ยนเลน การควบคุม และทรงตัวรถ การเข้าโค้งต่าง ๆ ทั้งแบบแคบและหักศอกในความเร็ว การควบคุมรถบนถนนลื่น ที่ได้ลองใช้ความเร็วเกินกว่าระดับปกติที่ใช้ทดสอบทั่วไป

คาแรกเตอร์รถที่เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้มันส่งกำลังได้เต็มที่ดี ให้ฟีลแบบรถยุโรป สนุกกับการคอนโทรลรถ ทั้งคันเร่ง และการควบคุมรถสไตล์นี้ Platform ที่มีการวางแบตไว้ใต้ท้องรถ มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ รวมถึงช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ จึงให้ฟีลการยึดจิกเกาะถนนทำได้ดี การเข้าโค้งหนัก ๆ ยังไม่โยนตัวมาก

พวงมาลัย รัศมีวงเลี้ยว การตอบสนองได้ดี แม้ไม่ถึงกับคมฉับไว แต่ก็ให้การคอนโทรลรถ หรือ แต่งพวงมาลัยในโค้งได้อย่างเหมาะสม ไม่รู้สึกว่าคอนโทรลยาก การขับเลี้ยวในแทร็ก หักเลี้ยวได้ต่อเนื่อง ด้านของระบบเบรก ฟีลลิ่งแป้นเบรก ตอบสนองได้ดี เป็นรถ EV Car ที่ขับได้มั่นใจ แต่ให้ฟิลลิ่งนุ่มนวล

 

 

บทสรุป

งานทดสอบในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของผมที่ได้มีโอกาสเห็นรถรุ่นนี้ แบบตัวเป็น ๆ ส่วนตัวถ้าให้มองในเรื่องของการออกแบบ ภายนอก และภายในโดยรวม รวมถึงคุณภาพวัสดุ อุปกรณ์ งานประกอบ ความสบายในการนั่งโดยสาร ฟังก์ชันต่าง ๆ ในการใช้งาน สำหรับผมแล้ว ใช้ได้เลยนะ ทำออกมาได้ลงตัวดี สำหรับรถคันนี้

คาแรกเตอร์ รถโดยเฉพาะในตัวขับเคลื่อนสี่ล้อ ถือว่าโดดเด่นถ้าเทียบในรถกลุ่มเอนกประสงค์แบบคอมแพค 5 ประตู ที่นอกจากจะได้เรื่องความประหยัดด้วยการใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนแล้ว สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ ระบบความปลอดภัยที่ถือว่าดีกว่ารถยนต์ทั่วไปในหลาย ๆ รุ่น และอาจจะเทียบเท่าได้กับรถยนต์ระดับ ดี-เซ็กเมนต์ สิ่งอำนวยความสะดวกสบายก็ไม่น้อยหน้าให้มาอีกเพียบ ระยะทางใช้งานจริง ๆ คาดว่าจะอยู่ช่วง 320 - 350 กม. ต่อชาร์จ ซึ่งนับว่าเกินพอในการใช้งานในเมืองแบบสบาย ๆ ตามคอนเซปต์รถ

 

 

ส่วนในเรื่องของการทดลองขับขี่ เพื่อจะเรียนรู้สมรรถนะ บอกตรง ๆ การลองขับ แค่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงในสนามทดสอบ Impact Speed Park ผมอาจจะตอบแทนทุกคนได้ไม่ 100% แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้ จากการมาทดลองสั้น ๆ ในครั้งนี้ คือคำตอบในเรื่องของความคล่องตัวในการขับขี่ อัตราเร่ง การทรงตัวของรถ การเบรค ช่วงล่าง ผ่านสถานีต่าง ๆ ที่ทาง ZEEKR จัดไว้ให้ทดลอง บอกได้สั้น ๆ ครับ ว่า รถสอบผ่าน และก็สามารถ ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในการขับขี่ด้วย

ในภาพรวมสเปกของรถที่ได้รับแทบไม่ต่างกับทาง Volvo EX30 หลายคนที่ติดชื่อเสียงที่ดีของแบรนด์ อาจจะไปเลือกทาง Volvo แต่คุณก็ต้องแลกกับราคาค่าตัวที่แพงกว่าเกือบ 5 แสนบาท ส่วนน้องใหม่อย่าง ZEEKR ก็เป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมา ต้องสร้างชื่อเสียงอีกพอควรกว่าจะสู้ในเรื่อง Branding ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทในเครือเดียวกันก็ตาม แต่หากมองในมุมของผู้บริโภค ก็คงต้องบอกกันตามตรงว่า ZEEKR X คือทางเลือกที่น่าจะตอบโจทย์ในเรื่องของความคุ้มค่ามากกว่า ไม่ว่าจะด้วยราคาจำหน่ายรวมถึงเรื่องของสเปกที่ได้รับ ความพรีเมียมระดับนี้ และราคา ถือว่าไม่แพง

 

 

ปิดท้ายที่ส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย ที่ขณะนี้ ZEEKR ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายรวม 6 ราย และมีโชว์รูมและศูนย์บริการ หรือ ZEEKR House รวม 14 แห่ง  สำหรับในประเทศไทยนั้น จะรองรับการแก้ปัญหา อะไหล่ การซ่อม ศูนย์บริการ รวมทั้งจะพัฒนาทันแบรนด์อื่น ๆ หรือไม่ เพราะบริการหลังการขาย เป็นอีกส่วนที่ต้องแข่งขันไม่แพ้กับตัวรถที่ต้องพิจารณา ส่วนนี้เราอาจจะต้องรอลุ้นดูกันต่อไปครับ…