ล่องใต้ ลองฟิลลิ่ง เจาะ 3 ไฮไลต์ ซีดานรุ่นใหญ่ หัวใจไฮบริด
Toyota Camry HEV PREMIUM LUXURY
บนเส้นทาง ภูเก็ต-กระบี่-พังงา
ทดลองขับโดย กันต์ เย็นสบาย
Toyota Camry รถยนต์ Medium Size Sedan ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การเริ่มต้นสู่ตลาด รวมทั้งยังเป็นรถรุ่นบุกเบิกของระบบไฮบริด เป็นครั้งแรกในไทย ตั้งแต่เมื่อปี 2552 ผ่านมาจนถึงกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง ให้กับ Camry ในเจเนอเรชันที่ 9 สิ่งที่รวมอยู่ในงานดีไซน์ก็คือ หน้าตาใหม่หมดจด การปรับปรุงห้องโดยสารครั้งใหญ่ และการยกเลิกจำหน่ายเครื่องยนต์บางรุ่น จนเหลือแค่เครื่องไฮบริด 2.5 ลิตร ที่โดยรวมแล้วเรียกได้ว่ามีการปรับปรุงใหม่เกือบทั้งหมด และนี่คือ 3 ไฮไลต์ ที่น่าสนใจ ของ ซีดานรุ่นใหญ่ หัวใจไฮบริด รุ่นนี้ครับ
ดีไซน์สปอร์ต แต่คงความหรู
หลังจากการเปิดตัวและเปิดราคาอย่างเป็นทางการกับ 3 ทางเลือกรุ่นย่อยในแบบ "ไฮบริดล้วน ๆ " นี่คือทริปการขับทดสอบเส้นทางกรุ๊ป 2 ของสื่อมวลชน ในแบบ One Day Trip ระยะทางเกือบ 250 กม. ที่ทาง Toyota จัดไว้ให้ในแบบกรุ๊ปเทสต์ ครับ เพื่อลองขับจริง กับ New Camry บนเส้นทาง น้องจะพาพี่ ล่องใต้ไปเที่ยวทะเล ที่ ภูเก็ต-กระบี่-พังงา ครับ
เราเริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต และเดินทางโดยรถตู้ต่อ เพื่อไปรับบรีฟฟังข้อมูลตัวรถ รวมไปถึงเส้นทางการเดินทางพร้อมจิบกาแฟชิล ๆ ที่ บลูแคนยอน คันทรีคลับ จังหวัดภูเก็ต อย่างที่บอกครับ Toyota Camry ใหม่ เปิดตัวแล้ว กับ 3 ทางเลือกรุ่นย่อย "ไฮบริดล้วน ๆ " คือ
- HEV SMART ราคา 1,455,000 บาท
- HEV PREMIUM ราคา 1,639,000 บาท
- HEV PREMIUM LUXURY ราคา 1,789,000 บาท
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นราคาแนะนำช่วงเปิดตัวครับ ทาง Toyota ยังไม่กำหนดว่าถึงเมื่อไหร่ จากนั้น ถึงจะปรับเพิ่มรุ่นย่อยละ 20,000 บาท โดยสำหรับในทริปนี้ รถทดสอบทั้งหมดทาง Toyota จัดเตรียมไว้ให้สื่อมวลชนลองขับ จะเป็นในรุ่น HEV PREMIUM LUXURY เท่านั้นครับ
พูดถึงตัวรถกันสักนิด สำหรับ Toyota Camry รุ่นล่าสุดนี้ ถือเป็นการยกระดับรูปลักษณ์ใหม่หมด ภายใต้ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา เด่นชัดด้วยเส้นสายโฉบเฉี่ยวรอบคัน สื่อถึงความคล่องแคล่ว ปราดเปรียว จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยผสานผู้ขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกับรถ ทั้งด้านการควบคุมรถ การทรงตัว และสมรรถนะความแรง
ในเรื่องดีไซน์ทาง Toyota นำรูปทรงด้านหน้าของ New Prius มาปรับใช้ใน New Camry ดูค่อนข้างดีและเข้ากันได้ดีกับงานตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หยิบมาจากรถซีดานรุ่น Crown ความสวยงามอยู่ในสายตาของผู้มอง ส่วนหน้าของรถ กลมกลืนไปกับเส้นสายด้านข้างตัวถังอย่างสวยงาม การออกแบบสอดคล้องกับเป้าหมายของโมเดลมากขึ้น
การออกแบบกระจังหน้าแบบ Hammerhead หรือ ปลาฉลามหัวค้อน ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้าย Full LED ดีไซน์ใหม่ โดยภายนอกของ ตัวท้อปสุด HEV PREMIUM LUXURY คันนี้จะมีความแตกต่างจากรุ่นย่อยอื่น ด้วยกระจังหน้าด้านบน สีดำเงา ด้านล่างเป็นแบบสีเทาเมทัลลิค และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว รัดยาง 235/45R18 ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต แต่ยังคงความหรูหรา
สีภายนอก Toyota Camry มี 4 สีครับ คือสีดำ Attitude Black Mica อย่างในคันที่ผมได้ทดลอง สีขาว Platinum White Pearl และสีใหม่ อีก 2 สีคือ เงิน Precious Metal ใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่ ส่วนเรื่องของ สีภายในมีให้เลือก 2 โทนสีครับ คือ Black Interior อย่างในคันที่ผมทดสอบ และโทนสี Yellow Brown Interior ที่มีพิเศษเฉพาะรุ่น HEV PREMIUM LUXURY ในตัวบอดี้สีเงิน Precious Metal และสีขาว Platinum White Pearl เท่านั้น
อุปกรณ์และฟังก์ชันต่าง ๆ ทันสมัยและใช้งานง่าย
ในห้องโดยสารออกแบบให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง กว้างขวาง สบายตา จากครั้งแรกของ Panoramic Roof หลังคากระจก เปิดปิดได้ พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า บริเวณที่นั่งฝั่งผู้ขับ ถูกออกแบบให้มีลักษณะแบบ Cockpit ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงในขณะขับ วัสดุภายในคุณภาพสูง ผ่านการออกแบบอย่างประณีต เรียบง่ายแต่ทันสมัย เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ Smooth Leather และหนังสังเคราะห์ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support แบบไฟฟ้าและ Seat Ventilator เบาะนั่งผู้ขับพร้อมระบบความจำ 2 ตำแหน่ง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งด้านข้างพนักพิง
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทั้ง พวงมาลัยแบบปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำและเลื่อนอัตโนมัติขณะเข้า-ออกจากตัวรถระบบ Smart Entry และ Push Start เบรกมือแบบไฟฟ้า ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB Type-C 5 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ ม่านบังแดดประตูหลังและม่านบังแดดกระจกหลังปรับไฟฟ้า กล้องบันทึกภาพติดรถยนต์ด้านหน้า
ในทุกรุ่นย่อยจะได้จอกลางแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่ แบบจอสี TFT ขนาด 12.3 นิ้ว แต่ภายในของรุ่น HEV PREMIUM LUXURY ตัวท็อปสุดจะโดดเด่นด้วยการเพิ่มจอ HUD แสดงที่กระจกหน้า/ เครื่องเสียง JBL 9 ตำแหน่ง / ระบบแอร์ 3 Zone / เบาะไฟฟ้าคู่หน้า ปรับได้ 8 ทิศทาง /พวงมาลัยปรับไฟฟ้า / เบาะและพวงมาลัย ถอยอัตโนมัติ เวลาออกจากรถ ระบบบันทึกตำแหน่ง เบาะ พวงมาลัย กระจกมองข้าง/ พัดลมเป่าเบาะโดยสารคู่หน้า
รวมทั้งเบาะหลังปรับเอนได้ แบบไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ในเรื่องความนั่งหลังได้สบายกว่า พร้อมแผงควบคุมระบบสัมผัสแบบดิจิทัล Capacitive Touch Controller ที่ผมได้มีโอกาส ลองนั่งปรับใช้งานเป็นผู้โดยสารที่เบาะหลัง ในช่วงออกเดินทางต่อ สู่จังหวัดพังงา บนเส้นทางภูเก็ต พังงา เขาหลัก ในคนขับคนที่ 1 ช่วงนี้เจอฝน ค่อนข้างหนักตลอดทาง บนเส้นทางเป็นทาง 4 เลน สลับทางขึ้นเขาและทางเลนสวน ระยะทางประมาณ 72 กิโล ก่อนจะถึง ห้องอาหาร MORACEA BY KHAO LAK RESORT เพื่อทานอาหารมื้อเที่ยงริมทะเล เขาหลักกันครับ
เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid เจเนอเรชันใหม่
หลังจากมื้อเที่ยงที่ห้องอาหาร MORACEA BY KHAO LAK RESORT ออกเดินทางกันต่อครับ ไปจังหวัดกระบี่เปลี่ยนคนขับ คนที่ 2 ผมรับอาสาขับเองครับ รับช่วงต่อบนเส้นทาง 4 เลน ขนาบข้างโดยทิวเขาระยะทางประมาณ 84 กิโลเมตร ก่อนจะถึงจุดแวะระหว่างทางรับเครื่องดื่ม Amazon แก้ง่วง ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ราชพฤกษ์ พังงา
ก่อนวิ่งออกถนนสายหลักเดินทางต่อบนถนนหมายเลข 4 เริ่มต้นการขับ ลองปรับหน้าจอใหม่ภายในห้องโดยสาร ที่ใหญ่และมีการจัดตำแหน่งใหม่ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น พร้อมทั้งรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ทำให้ใช้งานได้สะดวกในการดูแผนที่ ในจุดที่จะเดินทางไปต่อ
พูดถึงเครื่องยนต์ จุดเด่นของ ALL-NEW CAMRY ตามสเปก เครื่องยนต์บล็อกนี้ เป็นเครื่องเบนซิน ไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุดในแบบเบนซิน 4 สูบ แถวเรียง รหัส A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 186 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 208 นิวตันเมตร กำลังรวมทั้งหมดอยู่ที่ 227 แรงม้า
รายละเอียดการเปลี่ยนชนิดแบตเตอรี่ไฮบริดใหม่ จาก Nickel Metal hydride (NiMh) เป็นแบตเตอรี่ชนิดแบตเตอรี่ลิเธียม ไออออน เปลี่ยนมอเตอร์ไฮบริด ชุดอินเวอร์เตอร์และตัวแปลงไฟใหม่ ส่วนเครื่องยนต์สันดาป เดิม ก็ปรับจูน Solfware กล่อง ECU เพื่อให้ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเคลม 25 กิโลเมตร/ลิตร (รุ่นเดิม 23.8 กิโลเมตร/ลิตร)และรองรับน้ำมัน E20
ซึ่งข้อดีระบบไฮบริดของโตโยต้า คือ การทำงานของระบบ จะขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ว่าจะต้องการใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือจะใช้กำลังขับเคลื่อนจากทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ นอกจากนั้น ระบบนี้ยังสามารถส่งกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อต่าง ๆ ได้ แม้ในขณะที่เจเนอเรเตอร์สร้างกระแสไฟฟ้า
เลือกขับได้สนุก กับโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ EV Mode เน้นขับเคลื่อนเงียบ วิ่งด้วยไฟฟ้าเพียว ไร้มลภาวะ การขับขี่ใช้งานทั่ว ๆ ไป Eco Mode ที่เมื่อเลือกแล้วระบบไฮบริด และเครื่องยนต์จะขับเคลื่อนควบคู่กันโดยอัตโนมัติ ที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. เป็นโหมดลดการใช้พลังงาน ที่ให้ค่าเฉลี่ยเรื่องความประหยัดน้ำมันที่ทำได้คุ้มค่า คล้าย ๆ กับ NORMAL Mode โหมดมาตรฐาน
โดยส่วนตัวผมชอบการปรับใหม่ของน้ำหนัก ในชุดพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ที่ทำให้การคุมพวงมาลัยและระบบบังคับเลี้ยว ทำได้มั่นใจและความแม่นยำขึ้น โดยเฉพาะใน SPORT Mode ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องยนต์ ให้การตอบสนองทุกย่านความเร็ว มีกำลังเหลือ ๆ ข้อดีของเครื่องเบนซิน ไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุดคือกำลังที่ดีในช่วงกลางและปลาย ทำให้ไม่ต้องกดคันเร่งมากนัก ตัวรถก็ตอบสนองได้อย่างทันใจ
การตัดต่อกำลังของระบบเกียร์ E-CVT ชุดระบบขับเคลื่อนที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลต่อเนื่อง ราบเรียบในทุกจังหวะความเร็ว การรองรับของช่วงล่าง หน้าอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระแบบปีกนกคู่ ก็มีการปรับเซ็ทช็อคอัพให้ลงตัวขึ้น โดยใช้วาล์วควบคุมน้ำมันแบบ 2 พอรต์ แม้ว่าจะเน้นนุ่มนวล นั่งสบายตามมาตรฐานซีดานหรูของแท้ แต่เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็ว ก็ยังคุมรถได้ค่อนข้างนิ่ง ทำให้การขับขี่ในเส้นทางเข้าเป็นไปอย่างมั่นใจ ซึ่งส่งผลในการขับขี่แบบระยะทางไกล แบบไม่กังวล ในช่วงเดินทางต่อ จากปั๊มน้ำมันปตท. ราชพฤกษ์ พังงา ไปโรงแรมบันยันทรี จังหวัดกระบี่ ที่พักในคืนนี้ ระยะทางต่อเนื่องประมาณ 92 กิโลเมตร เพื่อให้ทันดินเนอร์ ชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกกันครับ…
คุยหลังขับกับกันต์ เย็นสบาย
เชื่อได้เลยว่า ใครหลายที่จะซื้อรถยนต์นั่งหรู ประเภทซีดานขนาดกลางทีไร พูดชื่อขึ้นมาแล้ว Toyota Camry และ จะเป็นรถที่ติดโผมาเป็นอันดับแรก ๆ และตั้งแต่เปิดตัวมา รถรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นที่ทำให้หลายคนสนใจ โดยเฉพาะการปรับและปรุงโฉม ในครั้งนี้ ที่เพิ่มเสน่ห์ของรถได้ลงตัวและเร้าใจขึ้น
ไฮไลท์จุดเด่นของรถทั้งจากเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid เจเนอเรชันใหม่ เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานควบคู่กัน จะได้กำลังสูงสุด 227 แรงม้า และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 25 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม ทั้งพละกำลังและความประหยัด
แน่นอนครับ สำหรับข้อดีของรถยนต์ไฮบริด คือ ด้านการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง พร้อมกับลดมลพิษจากการปล่อยไอเสีย ลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ รวมถึงการมีอัตราเร่งที่ราบรื่นไม่ติดขัดจากการผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
ทุกวันนี้ผมเองเชื่อว่า ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่อยากเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า แต่ติดตรงที่ความไม่สะดวกในการใช้งาน จึงยังคงเป็นรองรถยนต์ไฮบริดที่มีระบบขับเคลื่อนผสมผสาน เติมน้ำมันแล้ววิ่งต่อได้เลย
ทีสำคัญคนใช้เอง ก็ไม่ต้องปรับพฤติกรรมในการใช้รถ โดยเฉพาะการเดินทางไกลๆ ในทุกวันนี้ ที่รถยนต์ไฟฟ้าอาจยังไม่เอื้ออำนวย ความสะดวกในการใช้งานเท่าไหร่ รถไฮบริดดูจะสะดวกกว่า อย่างในช่วงวันหยุดยาวที่ไม่ต้องไปรอคิวชาร์จไฟ และสามารถไปในพื้นที่ที่ไม่มีสถานีชาร์จได้โดยไม่ต้องกังวล แค่มีปั๊มเชื้อเพลิง เสียเวลาเติม 3-5 นาที ก็ไปต่อได้เลย
รวมไปถึงไฮไลท์จุดเด่นของรถอุปกรณ์และฟังก์ชันต่าง ๆ เน้นความสะดวกสบาย ทันสมัยและใช้งานง่าย หลังคา Panoramic ฟังค์ชั่นโดยรวม ที่ไม่ซับซ้อน และไม่ต้อง ปรับตัวมากสำหรับผู้ขับในการใช้งาน
นอกจากนี้ตัวคัมรี่ใหม่นี้ยังมี TOYOTA SAFETY SENSE ในทุกรุ่นย่อย, กล้องมองรอบคันที่มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น, ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู Safe Exit Assist, ระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ PKSB และระบบความปลอดภัยอื่น ๆ มาให้แบบครบ ๆ
ในบ้านเรา การประทับตรา Toyota ย่อมต้องคุ้มค่าคุ้มราคาเสมอครับ ความคงทนและคล่องตัวในการใช้งานคือจุดเด่นของแบรนด์นี้ รวมถึงศูนย์บริการและราคาขายต่อที่ยอมรับได้ ซึ่งสำหรับการทดลองขับในครั้งนี้ ต้องบอกว่ารถรุ่นนี้มีสมรรถนะน่าสนใจ (ถ้าเทียบกับราคา) ครบสูตรทั้งความแรง ความนุ่มนวล การเกาะถนน และการให้ความประหยัดน้ำมัน
ถามถึงเรื่องความหรูหรา ผมว่าโอเคเลยนะ คัมรี่คือคัมรี่มันยังตอบโจทย์ได้อย่างดี ไม่เป็นรองคู่แข่งในคลาสเดียวกัน รวมทั้งผมเองมองว่าไม่เป็นรองคู่แข่งแบรนด์รถไฟฟ้าจีนที่กำลังรุกตลาดรถยนต์ในบ้านเรา อย่างหนักหน่วงในตอนนี้อีกด้วยครับ